ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ภูเก็ตรับเละ ถือศีลกินผักทำเงินสะพัดกว่า 3,400 ล้านบาท ขณะที่ 3 วันสุดท้ายยอดจองห้องพักในตัวเมือง 80-90% โรงแรมในตัวเมืองต่างยืนยันยอดเข้าพักลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นักท่องเที่ี่ยวเข้ามาหนาแน่นในช่วง 3 วันสุดท้าย กลุ่มหลักจะเป็นนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ ด้านโรงแรมชายหาดนักท่องเที่ยวกระจายเข้าพัก โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนกระเป๋าหนัก
น.ส.อโนมา วงษ์ใหญ่ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2559 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-9 ต.ค.นี้ ว่า ในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผักทุกปี ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ทั้งจากจีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย รัสเซีย อินเดีย และตะวันออกกลาง โดยอัตราการเข้าพักในขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 72% จากจำนวนห้องพักประมาณ 53,000 กว่าห้อง และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม เนื่องจากประเพณีถือศีลกินผัก วันหยุดราชการ วันชาติจีน และช่วงปิดเทอม ทำให้การเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่มต่างๆ มีความคึกคักเป็นพิเศษ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากอยู่ในสภาวะถดถอยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา 15-20%
อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในช่วงนี้กระจายไปพักตามที่ต่างๆ ทั้งบริเวณชายหาด และในตัวเมือง ซึ่งในส่วนของนักท่องเที่ยวจีนกลุ่ม FIT ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงจะเลือกพักโรงแรมที่เป็นพลูวิลลา และโรงแรมชายหาด ซึ่งกลุ่มนี้พบว่ามีแนวโน้มเดินทางเข้ามาจำนวนมากขึ้น ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาร่วมงานประเพณีถือศีลกินผักนั้นในช่วง 3 วันสุดท้ายของงานประเพณี คิดว่าจะทำให้ห้องพักในตัวเมืองโดยเฉพาะโรงแรมที่ขบวนแห่พระผ่าน อัตราการเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 90% ทำให้ช่วงงานประเพณีถือศีลกินผักมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 270,000 คน รายได้จากการท่องเที่ยวสะพัดประมาณ 3,400 ล้านบาท
ขณะที่ นายภูริต มาศวงศ์ศา ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราการเกินทางเข้ามายังจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้น 15% เที่ยวบินเพิ่มขึ้นจากเดิม 230 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นเป็น 262 เที่ยวบิน สำหรับสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้นก็เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาวของจีนเนื่องในวันชาติจีน อากาศร้อนในตะวันออกกลาง และอินเดีย และที่สำคัญช่วงนี้เป็นช่วงงานประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียตนาม และอินโดนีเซีย เดินทางเข้าร่วมงานประเพณีถือศีลกินผักมากขึ้น รวมทั้งเรื่องความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยในกลุ่มตลาดออสเตรเลีย ส่วนกลุ่มตลาดหลักในช่วงปลายกรีน ซีซัน ของจังหวัดภูเก็ต ยังคงเป็นกลุ่มจีน ตามด้วยออสเตรเลีย รัสเซีย อินเดีย และตะวันออกกลาง ทำให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 65-75%
ด้านแหล่งข่าวจากโรงแรมเพิร์ล ภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงแรมที่ขบวนแห่พระรอบเมือง และพิธีส่งพระผ่านเกือบจะทุกศาลเจ้า ระบุว่า เทศกาลถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ตในปีนี้ มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจองห้องพักของโรงแรมเพื่อเดินทางมาท่องเที่ยวยังจังหวัดภูเก็ตในช่วงถือศีลกินผักเหมือนทุกๆ ปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้นักท่องเที่ยวจะจองห้องพักเกือบเต็มในช่วง 3 วันสุดท้ายของประเพณี คือ ในระหว่างวันที่ 7-9 ต.ค.นี้ ส่วนก่อนหน้านั้น ก็มีทยอยเข้ามาบ้างแต่ไม่มากเหมือน 3 วันสุดท้าย ซึ่งอัตราเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 80% แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวที่เข้าพักลดลงเล็กน้อย จากที่โรงแรมมีการปรับปรุงทั้งห้องพัก และในส่วนต่างๆ ซึ่งกลุ่มที่พักโรงแรมนั้นจะเป็นนักท่องเที่ยวที่มาพักเกือบทุกปี และที่เข้ามามากที่สุดคือ คนจีนจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย และคนไทยบ้างเล็กน้อย
ขณะที่ฝ่ายจองห้องพักของโรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ เปิดเผยว่า สำหรับนักท่องเที่ยวที่จองห้องพักของโรงแรมเพื่อเดินทางมาร่วมประเพณีถือศีลกินผักของจังหวัดภูเก็ต กลุ่มหลักๆ จะเป็นนักท่องเที่ยวเชื้อสายจีนจากประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยได้ทยอยเข้ามาในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นมา แต่ไม่มากนักอยู่ที่ประมาณ 40% แต่จะเข้ามามากในช่วง 3 วันสุดท้ายของประเพณี ทำให้อัตราเข้าพักอยู่ที่ประมาณ 80% หากเทียบกับปีที่แล้วปีนี้นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการที่โรงแรมลดลงประมาณ 20% ทั้งนี้ เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ลดลงไป ซึ่งอาจจะเกี่ยวเนื่องมากการเข้มงวดในเรื่องของทัวร์ศูนย์เหรียญ จึงทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ลดน้อยลงในช่วงถือศีลกินผักปีนี้
ขณะที่โรงแรมโนโวเทล ภูเก็ต โภคีธรา ซึ่งเป็นโรงแรมใหม่ที่เพิ่งเปิดดำเนินการไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า นักท่องเที่ยวเริ่มเข้าพักแล้ว ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวเอเชีย เช่น สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และมาเลเซีย