ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตร.กองปราบ จับกุมเครือข่ายแชร์ลูกโซ่สายใต้ หลอกโกงเงินกว่า 8 ล้านบาท ชักชวนร่วมลงทุนทำธุรกิจส่งออกอาหารทะเล และซื้อขายรถยนต์หุ้นละ 3,000 บาท ให้ผลตอบแทนสัปดาห์ละ 600 บาท คิดเป็นร้อยละ 18 ต่อสัปดาห์ หรือร้อยละ 72 ต่อเดือน
วันนี้ (28 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป และ พ.ต.ท.ธราดล เหมพัฒน์ รอง ผกก.สอบสวน กก.6 บก.ป. พร้อมกำลังตำรวจกองปราบ จับกุม น.ส.วิรงรอง ทองจืด อายุ 26 ปี ชาว ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หนึ่งในเครือข่ายขบวนการแชร์ลูกโซ่สายใต้ ที่หลอกลวงประชาชนให้ร่วมลงทุนธุรกิจอาหารส่งออก และธุรกิจซื้อขายรถยนต์หุ้นละ 3,000 บาท และจ่ายเงินปันผลร้อยละ 600 บาทต่อสัปดาห์ โดยมีผู้เสียหายในกลุ่มนี้ 19 ราย วงเงินราว 8 ล้านบาท โดยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้หน้าธนาคารแห่งหนึ่งย่านหาดใหญ่ หลังจากที่กลุ่มผู้เสียหายได้เข้าร้องเรียนต่อตำรวจกองปราบ เมื่อวันที่ 22 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดยคดีนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ จำนวน 3 รายคือ น.ส.วิรงรอง ทองจืด ส.ต.ต.กิตติภณ อินทรสกุล อายุ 26 ปี ตำรวจ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แฟนหนุ่มของ น.ส.วิรงรอง ซึ่งได้เชิญตัวมาสอบสวนแล้ว ส่วนอีกคนคือ นายนุอา รังสรรค์ ยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม และทั้ง 3 คน ถูกแจ้ง 3 ข้อหาคือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน
พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงส์ ผู้กำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า น.ส.วิรงรอง เป็นเพียงหนึ่งเครือข่ายแชร์ลูกโซ่ที่ทำหน้าที่ด้านการตลาดหาลูกค้าในหลายจังหวัดของภาคใต้ เช่น จ.สงขลา พัทลุง และ จ.ภูเก็ต ซึ่งกลุ่มผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจกองปราบปรามไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า มีการโอนเงินผ่านระบบแชร์ลูกโซ่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจส่งออกอาหารทะเล และกลุ่มธุรกิจซื้อขายรถยนต์ จากนั้นเงินทั้งหมดจะถูกโอนต่อไปรวมอยู่ที่ผู้ที่เป็นแม่ข่ายใหญ่เพียงคนเดียว ซึ่งเป็นผู้กุมระบบแชร์ลูกโซ่ และน่าจะมีฐานลูกค้าอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ
ด้าน น.ส.วิรงรอง เปิดเผยว่า ตนก็เป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกหลอกเช่นเดียวกัน โดยสูญเงินไปกว่า 1 ล้านบาท หลังจากที่ได้รับการชักชวนให้ร่วมลงทุน และนำมาโพสต์ในเฟซบุ๊ก จนมีผู้สนใจมาร่วมลงทุนราว 30 คน และเปิดไลน์กลุ่มในการติดต่อประสานงาน เนื่องจากมีผลตอบแทนที่สูงมาก ซึ่งผลตอบแทนสูงสุดที่ได้รับอยู่ที่ร้อยละ 18 ต่อสัปดาห์ และร้อยละ 72 ต่อเดือน
โดยมีเงื่อนไขจะแบ่งปันผลตอบแทน 3 ครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะได้รับครั้งแรก และครั้งที่ 2 ส่วนครั้งที่ 3 จะสูญเงินทั้งหมด พร้อมกับเตือนว่าธุรกิจนี้ไม่มีอยู่จริง แต่เป็นหนึ่งรูปแบบของแชร์ลูกโซ่ที่ให้ผลตอบแทนในลักษณะหัวกินหาง เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ไม่สามารถหาลูกค้าใหม่ได้ ทุกอย่างก็จะจบ และสูญเงินทั้งหมด จึงฝากเตือนประชาชนให้ระวังเพราะเครือข่ายนี้มีอยู่ทั่วประเทศ และกว้างขวางมาก โดยใช้ผลตอบแทนที่สูงล่อใจ