กระบี่ - ชาวบ้านทยอยเข้าแจ้งความ หลังถูกบุคคลแอบอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสิน เรียกเก็บเงินชาวบ้านคนละ 4,000-8,000 บาท เพื่อแลกต่อการกู้เงินด้วยวิธีพิเศษ โดยมีชาวบ้านตกเป็นเหยื่อแล้วกว่า 50 ราย วงเงินกว่า 4 แสนบาท เบื้องต้น เข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน เจ้าหน้าที่จึงให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (20 ก.ย.) ได้มีชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ จำนวนกว่า 30 คน ทยอยเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พ.ต.ท.โสภณ คงทอง สว.สอบสวน สภ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ภายหลังจากที่มีบุคคลอ้างตัวว่าเป็นพนักงานของธนาคารออมสิน ทราบชื่อ ต่อมา คือ น.ส.นิภาวดี (นามสมมติ) อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 ม.6 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ ได้ไปออกให้บริการตามสถานที่ต่างๆ โดยระบุสามารถช่วยชาวบ้านฐานะยากจน หรือไม่มีหลักทรัพย์สามารถกู้เงินจากธนาคารออมสินได้ในวงเงิน 1000,000-300,000บาท
แต่จะต้องจ่ายรายละ 4,000-12,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับวงเงิน แต่เมื่อลูกค้าจ่ายเงินพร้อมส่งเอกสารเรียบร้อยผ่านไปประมาณ 6 เดือน ก็ไม่สามารถติดต่อกับพนักงานคนดังกล่าวได้อีกเลย และเมื่อสอบถามไปยังธนาคารออมสิน สาขากระบี่ ปรากฏว่า ทางธนาคารแจ้งว่า บุคคลดังกล่าวไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของธนาคาร และทางธนาคารไม่มีนโยบายให้ออกไปบริการนอกพื้นที่ เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้กรอกรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
นายอรชุน จิรังดา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/21 ม.11 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ กล่าวว่า เมื่อช่วงระหว่างเดือน ก.พ.และ มี.ค.59 ที่ผ่านมา ตนและชาวบ้ามรวม 12 คน ได้ยื่นเอกสารสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียน พร้อมจ่ายเงินให้แก่ น.ส.นิภาวดี คนละ 8 พันบาท โดยคนที่กู้วงเงิน 1 แสน จ่าย 4 พันบาท วงเงิน 2 แสน จ่าย 8 พันบาท รวมวงเงิน 96,000 บาท เพื่อเป็นค่าดำเนินการด้วยวิธีพิเศษไม่ต้องมีการตรวจสอบเอกสารยุ่งยาก และเห็นว่าคนที่ติดแบล็กลิสต์ก็กู้ได้
หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน น.ส.นิภาวดี ได้นัดให้ไปกรอกเอกสารที่ธนาคารออมสิน สาขาห้างบิ๊กซีสาขากระบี่ แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย น.ส.นิภาวดี ก็บอกว่าถ้าอยากได้เร็วก็ให้หาสมาชิกมาเพิ่ม เมื่อโทรศัพท์ติดต่อไปก็ขอเลื่อนเวลาไปอีก 2 เดือนครึ่ง โดยทำในลักษณะดังกล่าวหลายครั้ง จนกระทั่งผ่านไป 6 เดือน ก็ยังไม่ได้กู้เงิน และไม่สามารถติดต่ อน.ส.นิภาวดี ได้อีกเลย จึงได้ไปสอบถามที่ธนาคารออมสิน สาขากระบี่ แต่ธนาคารบอกว่าไม่มีพนักงานคนดังกล่าวแต่อย่างใด และหากจะดำเนินการเรื่องธุรกรรมการเงินก็ต้องมาทำที่ธนาคารเท่านั้นไม่มีบริการเคลื่อนที่ จึงรู้ว่าพวกตนถูกหลอกแล้ว จึงได้พากันเดินทางมาแจ้งความเพื่อให้เจ้าหนาที่ติดตามตัวมา น.ส.นิภาวดี มาดำนินคดีตามกฎหมาย และขอเงินทั้งหมดคืน
ด้าน พ.ต.ท.โสภณ กล่าวว่า เบื้องต้นกรณีทีเกิดขึ้นเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน โดยในขณะนี้มีผู้เสียหายได้ทยอยเดินทางมาแจ้งความต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 50 ราย ทั้งในท้องที่ อ.เมือง อ.เหนือคลอง อ.คลองท่อม และ อ.เขาพนม และต่างจังหวัดด้วย ซึ่งได้แนะนำให้ไปแจ้งความตามท้องที่เกิดเหตุ ในส่วนของ สภ.เมืองกระบี่ เบื้องต้นมีประมาณ 20 ราย ซึ่งได้ให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนี้ จะทำการสอบปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดเพื่อดำเนินการเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาทำการสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (20 ก.ย.) ได้มีชาวบ้านในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ จำนวนกว่า 30 คน ทยอยเดินทางไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พ.ต.ท.โสภณ คงทอง สว.สอบสวน สภ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ภายหลังจากที่มีบุคคลอ้างตัวว่าเป็นพนักงานของธนาคารออมสิน ทราบชื่อ ต่อมา คือ น.ส.นิภาวดี (นามสมมติ) อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 ม.6 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ ได้ไปออกให้บริการตามสถานที่ต่างๆ โดยระบุสามารถช่วยชาวบ้านฐานะยากจน หรือไม่มีหลักทรัพย์สามารถกู้เงินจากธนาคารออมสินได้ในวงเงิน 1000,000-300,000บาท
แต่จะต้องจ่ายรายละ 4,000-12,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับวงเงิน แต่เมื่อลูกค้าจ่ายเงินพร้อมส่งเอกสารเรียบร้อยผ่านไปประมาณ 6 เดือน ก็ไม่สามารถติดต่อกับพนักงานคนดังกล่าวได้อีกเลย และเมื่อสอบถามไปยังธนาคารออมสิน สาขากระบี่ ปรากฏว่า ทางธนาคารแจ้งว่า บุคคลดังกล่าวไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของธนาคาร และทางธนาคารไม่มีนโยบายให้ออกไปบริการนอกพื้นที่ เบื้องต้น ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้กรอกรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
นายอรชุน จิรังดา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59/21 ม.11 ต.กระบี่น้อย อ.เมืองกระบี่ กล่าวว่า เมื่อช่วงระหว่างเดือน ก.พ.และ มี.ค.59 ที่ผ่านมา ตนและชาวบ้ามรวม 12 คน ได้ยื่นเอกสารสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียน พร้อมจ่ายเงินให้แก่ น.ส.นิภาวดี คนละ 8 พันบาท โดยคนที่กู้วงเงิน 1 แสน จ่าย 4 พันบาท วงเงิน 2 แสน จ่าย 8 พันบาท รวมวงเงิน 96,000 บาท เพื่อเป็นค่าดำเนินการด้วยวิธีพิเศษไม่ต้องมีการตรวจสอบเอกสารยุ่งยาก และเห็นว่าคนที่ติดแบล็กลิสต์ก็กู้ได้
หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน น.ส.นิภาวดี ได้นัดให้ไปกรอกเอกสารที่ธนาคารออมสิน สาขาห้างบิ๊กซีสาขากระบี่ แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย น.ส.นิภาวดี ก็บอกว่าถ้าอยากได้เร็วก็ให้หาสมาชิกมาเพิ่ม เมื่อโทรศัพท์ติดต่อไปก็ขอเลื่อนเวลาไปอีก 2 เดือนครึ่ง โดยทำในลักษณะดังกล่าวหลายครั้ง จนกระทั่งผ่านไป 6 เดือน ก็ยังไม่ได้กู้เงิน และไม่สามารถติดต่ อน.ส.นิภาวดี ได้อีกเลย จึงได้ไปสอบถามที่ธนาคารออมสิน สาขากระบี่ แต่ธนาคารบอกว่าไม่มีพนักงานคนดังกล่าวแต่อย่างใด และหากจะดำเนินการเรื่องธุรกรรมการเงินก็ต้องมาทำที่ธนาคารเท่านั้นไม่มีบริการเคลื่อนที่ จึงรู้ว่าพวกตนถูกหลอกแล้ว จึงได้พากันเดินทางมาแจ้งความเพื่อให้เจ้าหนาที่ติดตามตัวมา น.ส.นิภาวดี มาดำนินคดีตามกฎหมาย และขอเงินทั้งหมดคืน
ด้าน พ.ต.ท.โสภณ กล่าวว่า เบื้องต้นกรณีทีเกิดขึ้นเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน โดยในขณะนี้มีผู้เสียหายได้ทยอยเดินทางมาแจ้งความต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 50 ราย ทั้งในท้องที่ อ.เมือง อ.เหนือคลอง อ.คลองท่อม และ อ.เขาพนม และต่างจังหวัดด้วย ซึ่งได้แนะนำให้ไปแจ้งความตามท้องที่เกิดเหตุ ในส่วนของ สภ.เมืองกระบี่ เบื้องต้นมีประมาณ 20 ราย ซึ่งได้ให้ผู้เสียหายลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังจากนี้ จะทำการสอบปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดเพื่อดำเนินการเรียกตัวผู้ถูกกล่าวหามาทำการสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
