ลำปาง - เถ้าแก่ร้านของชำลำปางถูกเจ้าหน้าที่สรรพสามิตบุกจับบุหรี่ปลอม เรียกค่าปรับ 6 แสนคาร้าน แถมลดให้ 2 รอบเหลือ 3 แสน พอบอกไม่มี-ให้จับตัวไปแทน กลับนั่งรอนานร่วม 8 ชม.จนทนไม่ไหวต้องโทร.ร้องศูนย์ดำรงธรรมฯ ถึงยอมจับตัว-เสียค่าปรับในสำนักงาน ยันเห็นใจผู้ต้องหา-ไร้เจตนาประวิงเวลาเรียกเงิน
วันนี้ (12 ก.ย.) นางสีออน มะโนวงษ์ อายุ 42 ปี เจ้าของร้านขายของชำในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ได้เข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง เพื่อให้ทำการสอบสวนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สรรพสามิตจังหวัดลำปางว่าเข้าข่ายปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ต้องหาระหว่างการจับกุมหรือไม่
นางสีออนเล่าว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค. 59 เวลาประมาณ 10.30 น. ได้มีเจ้าหน้าที่สรรพสามิตจังหวัดลำปางจำนวน 4 นาย ซึ่งนำโดยนายบรรพต ไม่ทราบนามสกุล เข้าไปตรวจสอบบุหรี่ในร้าน และเจาะจงตรวจสอบกล่องบรรจุบุหรี่ที่ตนซื้อมาจากนายจักรกฤษณ์ ฉัตรแก้ว (ทราบชื่อจริงในเวลาต่อมา) ที่รู้จักคุ้นเคยกัน เนื่องจากเป็นลูกค้าที่ร้าน และได้นำบุหรี่มาจำหน่ายให้ในราคาถูกกว่าท้องตลาดกล่องละประมาณ 200 บาท โดยที่นายจักรกฤษณ์ระบุว่า “บุหรี่ถูกต้องไม่ผิดกฎหมาย”
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบปรากฏว่าบุหรี่ทั้งหมด 2 กล่องเป็นบุหรี่ปลอม จึงเรียกเงิน 600,000 บาท โดยระบุว่า “เป็นค่าปรับ” ตนเองไม่มีเงินจึงขอลดหย่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยอมลดราคาค่าปรับลงมาเหลือ 400,000 บาท แต่ตนก็ยังไม่มีเพราะเงินจำนวนมากเกินไปค้าขายไม่มีเงินจำนวนมาก จึงยอมให้จับกุมตัวพร้อมของกลางไปยังสำนักงานสรรพสามิตแทน
แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่ยอม โดยบอกว่าลดค่าปรับให้ตนอีกเหลืออยู่ที่ 300,000 บาท ซึ่งตนก็ยังยืนยันว่าไม่มีเงินจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงให้ตนปรึกษาหารือกันในครอบครัวเพื่อหาเงินจำนวนดังกล่าวก่อนที่จะนำของกลางทั้งหมดออกจากร้าน
นางสีออนกล่าวอีกว่า หลังจากนั้นเวลาประมาณ 14.00 น.เจ้าหน้าที่ได้กลับเข้ามาที่ร้านใหม่อีกเป็นครั้งที่สองเพื่อให้เสียค่าปรับ 300,000 บาท แต่ตนก็หาเงินไม่ได้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมกลับ เวลาผ่านไปอีกเกือบ 2 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่ก็ยังพยายามจะให้ตนจ่ายค่าปรับที่ร้านให้ได้
นางสีออนบอกว่า ทางเจ้าหน้าที่ระบุด้วยว่า “ถ้าไปขึ้นศาลจะโดนหลายอย่าง เพราะบุหรี่มีเยอะ มันเกิน 500 กรัม จะถูกดำเนินคดีอย่างหนัก หากยอมเสียค่าปรับที่นี่ 300,000 บาทเรื่องก็จบไม่เป็นคดี” ตนก็บอกว่า “หาเงินได้แค่ 90,000 บาทได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็จับตนไปเถอะ”
ขณะนั้นเวลาล่วงเลยไปถึงเย็น ตนจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปยังศูนย์ดำรงธรรมฯ แจ้งเรื่องทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ทราบ หลังจากนั้นเวลาประมาณ 18.00 น.เศษทางเจ้าหน้าที่ได้รับโทรศัพท์ ซึ่งตนได้ยินเสียงที่พูดทางต้นสายว่า “ทำไมไม่นำผู้ต้องหา และของกลางมายังสำนักงานฯ ทำอะไรกันอยู่ ตอนนี้เรื่องถึงศูนย์ดำรงธรรมฯ แล้ว”
หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวตน พร้อมของกลางไปยังสำนักงานสรรพสามิต และเสียค่าปรับทั้งสิ้น 212,850 บาท ซึ่งตนก็ต้องไปกู้เงินมาชำระ
ทั้งนี้ จากภาพวงจรปิดของร้านฯ จะเห็นว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ฯ เข้าตรวจสอบภายในร้านแล้วได้เข้าพูดคุยกับเจ้าของร้านในลักษณะยืนเอามือเท้าไว้ที่โต๊ะและพูด หลังจากนั้นก็นำเจ้าหน้าที่ออกไปหน้าร้าน และนั่งประจำที่โต๊ะ ซึ่งเป็นทางเข้าร้านด้วย
หลังจากรับเรื่องแล้ว พ.ต.อำนาจ สูงศักดิ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปางได้เชิญเจ้าหน้าที่สรรพสามิตมาชี้แจง โดยเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ระบุว่า ที่ประวิงเวลาเพราะเห็นใจผู้ต้องหาที่จะต้องเสียค่าปรับจำนวนมาก จึงให้โอกาสปรึกษาหารือกับสามี และครอบครัวเพื่อให้หาเงินมาชำระก่อน เพราะเมื่อเจอของกลางแล้วจะนำตัวไปยังสำนักงานฯ เลยก็จะว่าแล้งน้ำใจ ซึ่งไม่มีเจตนาเรียกเอาทรัพย์สินแต่อย่างใด
ซึ่งหลังทำการสอบสวนเบื้องต้นแล้วทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมฯ จะได้ส่งเรื่องให้ทางผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ที่ถูกร้องเรียนทำการสอบสวนในเรื่องที่เกิดขึ้นต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่ได้สอบสวนถึงที่มาของบุหรี่ ก็ได้นำตัวผู้ที่มาร้องทุกข์ไปขยายผลติดตามตัวนายจักรกฤษณ์ ฉัตรแก้ว ที่บ้านเลขที่ 99/1 ม.2 ต.ห้างฉัตร อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง และพบบุหรี่ปลอม 3 ยี่ห้อในกล่องเก็บไว้ภายในบ้าน และเป็นยี่ห้อเดียวกับที่นำไปจำหน่ายให้นางสีออน รวม 455 ซอง
ซึ่งนางสีออนระบุตัวนายจักรกฤษณ์ว่า “เป็นผู้นำบุหรี่ไปจำหน่ายให้ตนเองจริง” และนายจักรกฤษณ์ก็ยอมรับสารภาพว่ามีคนนำมาส่งให้อีกทอดหนึ่ง และนำมาขายต่อเกือบหนึ่งปีแล้ว โดยไม่ทราบว่าเป็นบุหรี่ปลอม คนที่นำมาขายให้ก็บอกว่าถูกกฎหมาย แต่ได้มาในราคาถูกเท่านั้น
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานนายสมบูรณ์ เปียงแก้ว เจ้าพนักงานสรรพสามิตชำนาญงาน สนง.สรรพสามิตพื้นที่ลำปาง เข้ามาตรวจสอบพร้อมควบคุมผู้ต้องหาไปเปรียบเทียบปรับที่สำนักงานสรรพสามิตเป็นจำนวนเงิน 225,225 บาท
ด้านนางอัญชลี ชลังสุทธิ์ สรรพสามิตพื้นที่ลำปาง กล่าวว่า ยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียน แต่เวลาเจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติหน้าที่จะมีวิธีปฏิบัติอยู่แล้ว คือ สวมเครื่องแบบ และแจ้งให้ร้านค้าที่จะเข้าตรวจทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ และใช้ถ้อยคำที่สุภาพ แม้จะเข้าตรวจได้ทุกร้านที่มีบุหรี่ สุรา หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจำหน่ายก็ตาม และเมื่อพบการกระทำผิดเจ้าหน้าที่จะต้องแจ้งข้อหา แจ้งค่าปรับตามของกลางที่ผู้ต้องหามีไว้ในครอบครอง และควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางมาพิสูจน์ของกลาง ทำการเปรียบเทียบปรับที่สำนักงานฯ และไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ในท้องที่เท่านั้น จะไม่มีการเสียค่าปรับนอกพื้นที่แต่อย่างใด
“หากได้รับเรื่องที่ร้องเรียนส่งมาก็จะทำการสอบสวนเพื่อให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่ายต่อไป”