ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - มรส.ยื่นมือช่วยชาวบ้านจัดการป่าต้นน้ำ หลังพบใช้สารเคมีในการเกษตรส่งผลกระทบอื้อ สัตว์น้ำตาย สปาปลาธรรมชาติสูญหาย นักท่องเที่ยวเล่นน้ำไม่ได้ ชี้ต้องเริ่มต้นที่การสร้างความเข้าใจให้ชาวบ้านก่อนเป็นอันดับแรก
วันนี้ (20 ก.ย.) ผศ.สมทรง นุ่มนวล คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ มรส.ได้จัดเวทีประชาคมเพื่อสำรวจสภาพปัญหา และความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี และได้พบปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการแก้ไข คือ ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชนถูกทำลาย เพื่อนำพื้นที่ไปใช้ในการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ
คณบดี เปิดเผยต่อว่า โดยเฉพาะพื้นที่ป่าต้นน้ำหัวคลองหมู่ที่ 13 ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี พบว่า มีประชาชนเข้าไปบุกรุกแผ้วถางทำการเกษตรและใช้สารเคมี เมื่อฝนตกลงมาก็ได้ชะล้างสารเคมีลงสู่ต้นน้ำ ทำให้สัตว์น้ำจำพวกกุ้ง หอย ปู ปลาตาย คนที่ลงเล่นน้ำมีอาการผดผื่นคันตามผิวหนัง
“ในพื้นที่ อ.ดอนสัก มีสปาปลาธรรมชาติ หรือปลาตอดเท้าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมาใช้บริการ แต่ขณะนี้ปลาตอดเท้าที่อยู่ในแม่น้ำโดยธรรมชาติคือ ปลาซิว และปลาโสด เริ่มลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มหายไป ชาวบ้านจึงขอให้มหาวิทยาลัยเข้ามาให้ความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน” ผศ.สมทรง กล่าว
ดร.เสน่ห์ บุญกำเนิด อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตนอาศัยอยู่ในพื้นที่จึงเข้าใจสภาพปัญหาดี เบื้องต้น ได้นำคณะอาจารย์ และนักศึกษาลงพื้นที่ร่วมกันปลูกป่ากับชาวบ้าน และให้ความรู้แก่ชาวบ้านในการจัดการป่าต้นน้ำให้กลับสู่สภาพเดิม ก่อนจะได้รับความเสียหายไปมากกว่านี้
“เราต้องเริ่มจากการสร้างความเข้าใจให้แก่ชาวบ้าน โดยเฉพาะชาวบ้านที่มีพื้นที่การเกษตรติดป่าต้นน้ำ ทำให้เขาเข้าใจวิธีการใช้สารเคมีที่ถูกต้อง และปลอดภัย เข้าใจโทษภัยของสารเคมีที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสัตว์น้ำ ต่อนักท่องเที่ยว และต่อรายได้ของเกษตรกร เรียนรู้ว่าทำอย่างไรให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยที่สุด” ดร.เสน่ห์ กล่าว
นายโกมล ผ่อนผัน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 13 บ้านเขากลอย ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การรักษาสิ่งแวดล้อมต้องเริ่มต้นจากคนในพื้นที่ เราอาจคิดว่าเราทำการเกษตร การที่สปาปลา และนักท่องเที่ยวหายไปนั้นไม่เกี่ยวกับเรา แต่อย่าลืมว่าเมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวแล้วเราจะเอาพืชผักผลไม้ทางการเกษตรไปขายใคร ดังนั้น ทุกอย่างจึงส่งผลกระทบทั่วถึง เชื่อมโยงกันไปหมดทั้งระบบ และเราต้องเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนที่ตัวเราเอง