ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เกษตรกรสงขลาต่อยอดการทำเกษตรแบบผสมผสานให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ได้รับความสนใจทั้งชาวไทย และชาวมาเลเซียเดินทางมาเที่ยวชมอย่างต่อเนื่อง เป็นการคิดนอกกรอบสร้างมูลค่าเพิ่มจากพืชผลทางการเกษตรที่มีอยู่ นอกเหนือจากขายผลผลิตเพียงอย่างเดียว
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่สวน พี.เจ.การ์เดนส์ ของนายประเสริฐ ศรีระสันต์ เกษตรในพื้นที่ หมู่ 3 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งทำการเกษตรแบบผสมผสานตามแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเนื้อที่เกือบ 9 ไร่ มากว่า 7 ปี จนประสบความสำเร็จ และกลายเป็นต้นแบบในการศึกษาดูงานการทำเกษตรแบบผสมผสานของ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีทั้งชาวไทย และชาวมาเลเซียมาดูงานอย่างต่อเนื่อง
และขณะนี้ นายประเสริฐ ได้ต่อยอดความสำเร็จของการทำการเกษตรแบบผสมผสาน จากแหล่งศึกษาดูงาน กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตรของตำบลควนลัง ซึ่งเป็นการต่อยอดจากการทำเกษตรทั่วไป ซึ่งเพียงแต่ปลูกแล้วขายผลผลิตอย่างเดียว แต่ที่สวน พี.เจ.การ์เดนส์ แห่งนี้ยังสามารถสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเชิงเกษตร โดยอาศัยพืชผลทางการเกษตรที่มีอยู่มาสร้างมูลค่าเพิ่ม
โดยภายในเนื้อที่เกือบ 9 ไร่ ได้มีปรับแต่งภูมิทัศน์ให้สวยงาม และลงตัว สะดวกต่อการเที่ยวชม โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 6 โซน คือ โซนปลูกกล้วยหอมทอง 3 ไร่ จำนวน 800 ต้น ซึ่งใกล้จะให้ผลผลิต โซนขุดสระเลี้ยงปลา และขอบสระปลูกส้มโอหอมควนลัง และแก้วมังกร โซนปลูกมะนาวพันธุ์แป้นพิจิตร 2 ไร่ ทั้งในกระถางติดแอร์ และในดินอย่างละ 40 ต้น โซนปลูกมะพร้าวแกง และมะพร้าวน้ำหอม โดยแซมกับทุเรียนน้ำกล้วยต้นชะมวง โซนปลูกยางพารา 2 ไร่ ซึ่งเป็นพันธุ์มาเลเซียให้น้ำยางมากกว่าปกติ 3 เท่า และปลูกในระยะ 3 คูณ 3 เมตร ซึ่งจะมีรายได้เท่ากับยางพาราทั่วไป 10 เท่า แซมร่องยางด้วยผักกูด และไผ่กิมซุง และโซนสุดท้ายเป็นการปลูกพืชผักสวนครัวกินได้ทุกชนิด เช่น มะขามเด็ดยอด ข่า ขมิ้น ตะใคร้ พริกขี้หนู มะเขือ หรือผลไม้ทั่วไป เช่น เสาวรส และมะนาวเลม่อนฮาวาย
คุณประเสริฐ บอกว่า พืชผักทุกชนิดทั้ง 6 โซน จะให้ผลผลิตทั้งในฤดูกาล และนอกฤดูกาล มีรายได้หมุนเวียนต่อเนื่องตลอดทั้งปี และขายได้ราคา รวมทั้งยังมีรายได้จากการเพาะขยายพันธุ์ต้นกล้า โดยขณะนี้ภายในสวน พี.เจ.การ์เด้น ต้นทุนเรื่องพันธุ์ไม้แทบจะกลายเป็นศูนย์ เนื่องจากเพาะขยายเองทั้งหมด
สำหรับเคล็ดลับของการทำเกษตรผสมผสานให้สำเร็จ นายประเสริฐ บอกว่า จะต้องเน้นการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ และต้องนำหลักวิชาการเข้ามาช่วย ที่สำคัญเกษตรกรต้องคิดนอกกรอบไม่ใช่เพียงแต่เก็บผลผลิตขายเพียงอย่างเดียว จะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มจากพืชผลที่มีอยู่ เช่น พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร รองรับผู้ที่มีใจรักในด้านการเกษตรได้มาท่องเที่ยวพักผ่อน และได้ความรู้เรื่องการทำเกษตรกลับไปด้วย รวมทั้งสามารถขายผลผลิตภายในสวนได้ด้วย และในอนาคตเมื่อพืชผลโตเต็มพื้นที่ก็จะต่อยอดสร้างเป็นซุ้มกาแฟ หรือที่พักเล็กๆ สามารถนอนค้างคืนได้ โดยอาศัยสวนเกษตรผสมผสานที่มีอยู่มาเป็นจุดขาย
สำหรับผู้ที่ต้องการไปท่องเที่ยวเรียนรู้วิถีเกษตรแบบผสมผสานที่สวนของนายประเสริฐ ติดต่อได้ที่หมายเลข 08-7295-5977 ซึ่งพร้อมที่จะถ่ายทอดความสำเร็จให้แบบหมดเปลือก