ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เปิดอย่างเป็นทางการแล้วอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศสนามบินภูเก็ต “นายกฯ” WARNING ต้องไม่มีแท็กซี่เถื่อน อิทธิพล พร้อมระบุต้องตอบคำถามให้ได้ กลุ่มอื่นได้ประโยชน์อะไรจากการขยายการลงทุนบ้าง
เมื่อเวลา 09.09 น. วันนี้ (16 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดประธานอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) อย่างเป็นทางการ โดยมี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการ ทอท. กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหาร ทอท. รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในพิธี ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออก ชั้น 3 ทภก.บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.)
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การก่อสร้างอาคารหลังนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต (ปีงบประมาณ 2553-2557) มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกให้มีขีดความสามารถเพียงพอต่อการรองรับปริมาณการจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกด้านได้อย่างปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว และได้มาตรฐานสากล เพื่อเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ประกอบด้วย การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ การปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน การก่อสร้างขยายลานจอดอากาศยาน และการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ตามโครงการพัฒนาฯ จะทำให้ ทภก.สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากเดิม 6.5 ล้านคนต่อปี เป็น 12.5 ล้านคนต่อปี สำหรับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทภก.สร้างเชื่อมต่อกับอาคารผู้โดยสารหลังเดิมมาทางทิศใต้ โดยมีรูปแบบทันสมัย สวยงาม โอ่โถง และกลมกลืนกับสภาพภูมิประเทศด้วยรูปลักษณ์หลังคาที่เป็นโค้งลูกคลื่น ตัวอาคารผู้โดยสารมีความยาว 297 เมตร กว้าง 117 เมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 73,103 ตารางเมตร แบ่งเป็น 4 ชั้น คือ
ชั้นที่ 1 เป็นพื้นที่ผู้โดยสารขาเข้า ประกอบด้วย โถงรองรับผู้โดยสาร โถงรับกระเป๋ามีสายพานรับกระเป๋า จำนวน 5 ชุด จุดตรวจศุลกากรพร้อมเคาน์เตอร์ตรวจสัมภาระทั้งหมด 8 ชุด ร้านค้า เคาน์เตอร์บริการต่างๆ มีทางเข้าออก 6 จุด เชื่อมต่อกับชานชาลาจอดรับผู้โดยสาร จุดรอรถทัวร์ จุดรอรถแท็กซี่ มีห้องน้ำบริการ 24 จุด และห้องน้ำสำหรับคนพิการ 8 จุด ส่วนด้านนอกเป็นชานชาลาส่งผู้โดยสารขาเข้า (Arrival curb) ซึ่งมีความยาว 300 เมตร ชั้นที่ 2 เป็นพื้นที่ชั้นผู้โดยสารขาเข้า ชั้นเทียบเครื่องบิน ประกอบด้วย ประตูขึ้นเครื่อง (Gate) 11-15 ด่านตรวจคนเข้าเมือง 19 จุด ร้านอาหาร และส่วนสะพานเชื่อมต่อไปยังอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ พร้อมห้องน้ำให้บริการ 12 จุด และห้องน้ำสำหรับคนพิการ 5 จุด ชั้นที่ 3 เป็นพื้นที่ชั้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ Contact Gate Hold Room และ Bus Gate Hold Room ประกอบด้วย เคาน์เตอร์เช็กอินทั้งหมด 96 เคาน์เตอร์ แบ่งเป็น 4 แถว แถวละ 24 เคาน์เตอร์ มีเครื่องเอกซเรย์ตรวจสัมภาระทั้งหมด 11 เครื่อง ด่านตรวจหนังสือเดินทาง ผู้โดยสารขาออก 17 จุด ซึ่งในชั้นนี้มีห้องน้ำให้บริการ 12 จุด และมีห้องน้ำสำหรับคนพิการ 5 จุด และด้านนอกของอาคารมีชานชาลาส่งผู้โดยสาร (Departure Curb) ความยาว 285 เมตร และชั้นที่ 4 เป็นพื้นที่ส่วนพักคอยสายการบิน ร้านอาหาร ศูนย์อาหารและภัตตาคาร โดยมีห้องน้ำให้บริการ 8 จุด และห้องน้ำสำหรับคนพิการ 4 จุด ทั้งนี้ ห้องน้ำภายในอาคารผู้โดยสารได้มีการตกแต่งเป็นรูปภาพวิวสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลของ 5 จังหวัดอันดามัน คือ ภูเก็ต ตรัง พังงา กระบี่ และระนอง
นายอาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทภก.นั้น ทอท.ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อให้การให้บริการเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ ทอท.ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมการเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารดังกล่าว (Operational Readiness and Airport Transfer : ORAT) ในการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร การทดสอบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การทดสอบระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า และการประสานหน่วยงานราชการด้านพื้นที่สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบต่างๆ รวมทั้งกำหนดให้มีการทดสอบบูรณาการทุกระบบ นอกจากนั้น ได้มีการเตรียมความพร้อมทดสอบระบบต่างๆ (Trial) ระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน-7 กันยายน 2559 ได้แก่ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ICT) รวมถึงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า (BHS) ซึ่งเป็นการทดสอบขีดความสามารถของระบบเพื่อให้สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง และเกิดความปลอดภัย และการรักษาความปลอดภัยสูงสุด
นายอาคม กล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากการทดสอบระบบดังกล่าวแล้ว ทอท.ยังได้ทดสอบระบบเต็มรูปแบบ (Full Scale Trial) ระหว่างวันที่ 16 สิงหาคม-1 กันยายน 2559 ในด้านการสร้างความคุ้นเคยให้ผู้เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของ ทภก.และหน่วยงานภายนอก เช่น สายการบิน หน่วยงานราชการ เป็นต้น เพื่อทำการทดสอบระบบควบคู่กับการเตรียมความพร้อมทดสอบระบบก่อนที่จะดำเนินการเปิดใช้งานจริง โดยจำลองการไหลของผู้โดยสาร และกระเป๋า (Simulation Program) ในการผ่านกระบวนการเข้าออก และเปลี่ยน-ผ่านลำ ซึ่งได้มีการทดสอบทั้งหมด 4 ครั้ง คือ Pre-Simulation เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2559 Simulation ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2559 Simulation ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2559 และ Simulation ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2559
ทั้งนี้ ในการทดสอบ Simulation ครั้งที่ 2 ได้มีสายการบิน และผู้ให้บริการภาคพื้นเข้าร่วมทดสอบ และมีหน่วยงานราชการ ประกอบด้วย สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากรเข้าร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งนอกจากการทดสอบภายในท่าอากาศยานแล้ว ยังมีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาร่วมตรวจสอบด้านมาตรฐานความปลอดภัยของอาคารด้วย ได้แก่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ซึ่งได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 ในการเปิดใช้บริการอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และหลุมจอดอากาศยาน รวมทั้งได้เข้ามาตรวจสอบด้านมาตรฐานท่าอากาศยาน การรักษาความปลอดภัยกิจการการบิน และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับท่าอากาศยาน ด้านการเตรียมความพร้อมการย้ายเที่ยวบิน และผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ให้บริการ ณ อาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน และอาคาร X-Terminal มายังอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทภก.นั้น ได้มีการดำเนินการย้ายเที่ยวบิน และผู้โดยสารดังกล่าวตั้งแต่ช่วงเวลา 00.01 น.ของวันที่ 16 กันยายน 2559 ทั้งนี้ มีสายการบินระหว่างประเทศ จำนวน 36 สายการบิน
นายอาคม กล่าวในตอนท้ายว่า ทอท.ได้กำหนดบทบาททางยุทธศาสตร์ (Strategic Positioning) ให้ ทภก.เป็น “Gateway to the Andaman” โดยปริมาณการจราจรทางอากาศ ณ ทภก.ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2556-2558) ทภก.มีจำนวนผู้โดยสารเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 6.5 ต่อปี และมีจำนวนเที่ยวบินเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 8.06 ต่อปี และช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2559 (เดือนตุลาคม 2558-สิงหาคม 2559) ทภก.ให้บริการผู้โดยสาร จำนวน 13,663,752 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.01 และมีเที่ยวบิน 87,409 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.99 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบัน ทภก.มีสายการบินให้บริการ 46 สายการบิน เชื่อมต่อจุดหมายปลายทางกว่า 37 จุดบิน ดังนั้น อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ทภก.จะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นจากการออกแบบอาคารให้มีความทันสมัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณกระทรวงคมนาคมที่ทำให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้น ซึ่ง โครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องที่มีมายาวนานอะไรที่ไม่ดีก็ไม่ว่าอะไร เพราะทำมาตั้งแต่ปี 255-57 แต่เมื่อทำดีก็ต้องชื่นชม ทำแล้วไม่ดีก็ต้องแก้ไข ซึ่งในส่วนของตัวอาคารก็ต้องขอชมเชยถ้ามองจากข้างนอกอาจจะไม่หรูหรามากนักเมื่อเทียบกับสุวรรณภูมิ แต่ถ้ามองในเรื่องของการใช้ประโยชน์ถือว่าดีเพราะจะเกิดประโยชน์ขึ้นอีกมากในอนาคต โดยเฉพาะต่อการท่องเที่ยวของภูเก็ต ที่จะสามารถรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยวได้เพิ่มมากขึ้นในอนาคตที่จะมีผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นถึง 15 ล้านคน แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องมองและหันมาพัฒนาให้เป็นระบบ คือ ผลประโยชนที่จะเกิดขึ้นแก่คนทุกกลุ่ม คนทุกกลุ่มจะได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างไร ปัญหาที่จะตามมาจะต้องมีการวางแผนแก้ปัญหาแบบบูรณาการ การลงทุนไม่ควรมองเฉพาะภาคธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่จะมองถึงผลประโยชน์ที่จะต้องเกิดขึ้นแก่คนทุกกลุ่ม รวมทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชน ต้องตอบคำถามให้ได้ว่าคนอื่น กลุ่มอื่น เช่น โอทอป กลุ่มเกษตร กลุ่มอาชีพต่างได้ประโยชน์จากจุดนี้อย่างไรบ้าง แต่การกระจายประโยชน์ออกไปทุกอย่างจะต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ความถูกต้อง เป็นไปตามระเบียบกฎกติกา ตอนนี้คิดว่าถึงเวลาที่คนไทยจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงตัวเอง ลดความเห็นแก่ตัวลง
ส่วนอีกเรื่องที่อยากจะเตือนไว้ก่อนคือ เรื่องของแท็กซี่สนามบิน จะต้องไม่มีแท็กซี่เถื่อน หรือแท็กซี่อิทธิพล เพราะจะทำให้เกิดความเสียหายในภาพรวม ถ้ามีจะต้องดำเนินการอย่างชัดเจน ซึ่งเรื่องนี้ตนขอเตือนไว้ก่อน การทำงานทุกอย่างจะต้องมีการบูรณาการร่วมกันเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งนอกจากเรื่องแท็กซี่ สิ่งที่เป็นห่วงในส่วนของจังหวัดภูเก็ต ยังมีเรื่องของปัญหาการจราจร ปัญหาความแออัดของภูเก็ต รวมทั้งปัญหาการละเมิดทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้จะต้องเข้าไปดูแลบริหารจัดการแบบบูรณาการ เพราะถ้าไม่ทำแบบบูรณาการปัญหาก็จะเกิดขึ้นหลายรูปแบบตามมา



