ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ประมูลทรัพย์สินเครือข่ายทรานลี่ เทรเวิล จำกัด กับพวก วันที่ 2 ไม่คึกคัก มีผู้สนใจเข้าร่วมเสนอราคาบางตา ขณะที่ ปปง.แถลงสรุปยอด 2 วัน สามารถทำรายได้ประมาณ 108 ล้านบาท เผยในส่วนของเรือสามารถทำยอดได้สูงกว่าราคาเริ่มต้นถึง 200% พรุ่งนี้ (8 ก.ย.) นำรถที่มีมูลค่าสูงประมูล 60 คัน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 ก.ย.) ที่ห้องประชุมเทศบาลนครภูเก็ต สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้จัดให้มีการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ราย เครือข่ายทรานลี่ ทราเวิล จำกัด และพวก เป็นวันที่ 2 โดยการประมูลในวันนี้เป็นการประมูลในส่วนของรถบัส จำนวน 61 คัน ซึ่งบรรยากาศการประมูลในวันนี้ไม่คึกคักเท่าที่ควร มีผู้สนใจเข้าร่วมเสนอราคาบางตา
ในส่วนของการเปิดประมูลครั้งนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบ และนอกเครื่องร่วมสังเกตการณ์ และรักษาความปลอดภัยกว่า 50 นาย โดยมีคณะกรรมการจัดการประมูลร่วมเป็นสักขีพยาน นำโดย พ.ต.อ.โกวิท ภิรมย์วงศ์ อดีตรองเลขา ปปง. ทำหน้าที่ประธานกรรมการการขายทอดตลาดทรัพย์สินเครือข่ายทรานลี่ โดยแต่ละรายการไม่สามารถทำราคาได้สูง เช่น รถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 เกิน 30 ที่นั่ง ไม่มีที่ยืน ยี่ห้อเบนซ์ หมายเลขทะเบียน 30-8305 ภูเก็ต ราคาเริ่มต้นที่ 750,000 บาท มีการสู้ราคาสูงสุดอยู่ที่ 960,000 บาท รถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 เกิน 30 ที่นั่ง ไม่มีที่ยืน ยี่ห้อเบนซ์ หมายเลขทะเบียน 30-8405 ภูเก็ต เริ่มต้นที่ 800,000 บาท มีการประมูลได้ในราคาเริ่มต้น ส่วนรถโดยสารปรับอากาศพิเศษชั้น 1 ยี่ห้อซันลอง หมายเลขทะเบียน 31-0161 ภูเก็ต เริ่มต้นที่ 1.4 ล้านบาท มีการประมูลได้ในราคาเริ่มต้น
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 12.30 น.วันนี้ ซึ่งการประมูลในวันที่ 2 เสร็จสิ้นลง พ.ต.อ.โกวิท ภิรมย์วงศ์ อดีตรองเลขา ปปง. ทำหน้าที่ประธานกรรมการการขายทอดตลาดทรัพย์สินเครือข่ายทรานลี่ พร้อมด้วย น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต น.ส.ปวรนันท์ ธัมมัญญุตานนท์ และนายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ร่วมกันแถลงข่าวการขายทอดตลาดทรัพย์สินของเครือข่ายทรานลี่ โดย พ.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า จากการที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) บูรณาการการทำงานร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในคดีเกี่ยวข้องกัน ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวด้อยคุณภาพ สร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจประเทศในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จนนำไปสู่ยึด และอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรา 3 (10) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 นั้น ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้สำนักงาน ปปง. จะต้องจัดหาสถานที่ในการเก็บรักษาทรัพย์สิน และหากเก็บไว้อาจเสื่อมราคา และมีค่าใช้จ่าย ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายเสื่อมค่าของทรัพย์สินประเภทต่างๆ ทางสำนักงาน ปปง.จึงดำเนินการจัดขายทอดตลาดทรัพย์สินคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ (บริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด) จังหวัดภูเก็ต จำนวน 151 รายการ ระหว่างวันที่ 6-8 ก.ย.59 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป ณ ห้องประชุมเทศบาลนครภูเก็ต
สำหรับทรัพย์สินที่ขายทอดตลาด จำนวน 151 รายการ สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ เรือนำเที่ยว จำนวน 35 รายการ รถโดยสารปรับอากาศพิเศษ จำนวน 116 รายการ ราคาเริ่มต้นประมูลประมาณ 161 ล้านบาท ซึ่งการการประมูลเมื่อวานนี้ (6 ก.ย.) ในส่วนของเรือนำเที่ยว จำนวน 34 ลำ ราคาเริ่มต้นประมูล 31,389,000 บาท จบการประมูลที่ 71,534,000 บาท นับว่าเป็นยอดการประมูลที่สูงเกิน 200%
พ.ต.อ.โกวิท กล่าวต่ออีกว่า สำหรับในการประมูลวันนี้ เป็นการประมูลรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 61 คัน จาก 116 คัน ซึ่งมีผู้สนใจประมูลไปได้ จำนวน 44 คัน สามารถทำรายได้ในการประมูลวันนี้ 37,300,000 บาท ส่วนรถที่ยังเหลืออีก 17 คันของวันนี้ที่ไม่มีผู้สนใจประมูลก็นำไปประมูลใหม่ในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.) แต่หากถ้าไม่มีผู้สนใจก็เก็บไว้ก่อน หลังจากนั้นก็จะประกาศขายทอดตลาดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับการประมูลทั้ง 2 วันที่ผ่านมา สามารถทำรายได้ 108 ล้านบาท ส่วนในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.) จะมีการประมูลรถที่มีราคาสูงอีก 60 คัน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (7 ก.ย.) ที่ห้องประชุมเทศบาลนครภูเก็ต สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้จัดให้มีการขายทอดตลาดทรัพย์สิน ราย เครือข่ายทรานลี่ ทราเวิล จำกัด และพวก เป็นวันที่ 2 โดยการประมูลในวันนี้เป็นการประมูลในส่วนของรถบัส จำนวน 61 คัน ซึ่งบรรยากาศการประมูลในวันนี้ไม่คึกคักเท่าที่ควร มีผู้สนใจเข้าร่วมเสนอราคาบางตา
ในส่วนของการเปิดประมูลครั้งนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบ และนอกเครื่องร่วมสังเกตการณ์ และรักษาความปลอดภัยกว่า 50 นาย โดยมีคณะกรรมการจัดการประมูลร่วมเป็นสักขีพยาน นำโดย พ.ต.อ.โกวิท ภิรมย์วงศ์ อดีตรองเลขา ปปง. ทำหน้าที่ประธานกรรมการการขายทอดตลาดทรัพย์สินเครือข่ายทรานลี่ โดยแต่ละรายการไม่สามารถทำราคาได้สูง เช่น รถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 เกิน 30 ที่นั่ง ไม่มีที่ยืน ยี่ห้อเบนซ์ หมายเลขทะเบียน 30-8305 ภูเก็ต ราคาเริ่มต้นที่ 750,000 บาท มีการสู้ราคาสูงสุดอยู่ที่ 960,000 บาท รถโดยสารปรับอากาศชั้น 2 เกิน 30 ที่นั่ง ไม่มีที่ยืน ยี่ห้อเบนซ์ หมายเลขทะเบียน 30-8405 ภูเก็ต เริ่มต้นที่ 800,000 บาท มีการประมูลได้ในราคาเริ่มต้น ส่วนรถโดยสารปรับอากาศพิเศษชั้น 1 ยี่ห้อซันลอง หมายเลขทะเบียน 31-0161 ภูเก็ต เริ่มต้นที่ 1.4 ล้านบาท มีการประมูลได้ในราคาเริ่มต้น
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 12.30 น.วันนี้ ซึ่งการประมูลในวันที่ 2 เสร็จสิ้นลง พ.ต.อ.โกวิท ภิรมย์วงศ์ อดีตรองเลขา ปปง. ทำหน้าที่ประธานกรรมการการขายทอดตลาดทรัพย์สินเครือข่ายทรานลี่ พร้อมด้วย น.ส.สมใจ สุวรรณศุภพนา นายกเทศมนตรีนครภูเก็ต น.ส.ปวรนันท์ ธัมมัญญุตานนท์ และนายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ร่วมกันแถลงข่าวการขายทอดตลาดทรัพย์สินของเครือข่ายทรานลี่ โดย พ.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า จากการที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) บูรณาการการทำงานร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในคดีเกี่ยวข้องกัน ซึ่งเป็นบริษัทนำเที่ยวด้อยคุณภาพ สร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจประเทศในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จนนำไปสู่ยึด และอายัดทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรา 3 (10) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 นั้น ทรัพย์สินดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้สำนักงาน ปปง. จะต้องจัดหาสถานที่ในการเก็บรักษาทรัพย์สิน และหากเก็บไว้อาจเสื่อมราคา และมีค่าใช้จ่าย ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายเสื่อมค่าของทรัพย์สินประเภทต่างๆ ทางสำนักงาน ปปง.จึงดำเนินการจัดขายทอดตลาดทรัพย์สินคดีทัวร์ศูนย์เหรียญ (บริษัท ทรานลี่ ทราเวิล จำกัด) จังหวัดภูเก็ต จำนวน 151 รายการ ระหว่างวันที่ 6-8 ก.ย.59 ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป ณ ห้องประชุมเทศบาลนครภูเก็ต
สำหรับทรัพย์สินที่ขายทอดตลาด จำนวน 151 รายการ สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ เรือนำเที่ยว จำนวน 35 รายการ รถโดยสารปรับอากาศพิเศษ จำนวน 116 รายการ ราคาเริ่มต้นประมูลประมาณ 161 ล้านบาท ซึ่งการการประมูลเมื่อวานนี้ (6 ก.ย.) ในส่วนของเรือนำเที่ยว จำนวน 34 ลำ ราคาเริ่มต้นประมูล 31,389,000 บาท จบการประมูลที่ 71,534,000 บาท นับว่าเป็นยอดการประมูลที่สูงเกิน 200%
พ.ต.อ.โกวิท กล่าวต่ออีกว่า สำหรับในการประมูลวันนี้ เป็นการประมูลรถโดยสารปรับอากาศ จำนวน 61 คัน จาก 116 คัน ซึ่งมีผู้สนใจประมูลไปได้ จำนวน 44 คัน สามารถทำรายได้ในการประมูลวันนี้ 37,300,000 บาท ส่วนรถที่ยังเหลืออีก 17 คันของวันนี้ที่ไม่มีผู้สนใจประมูลก็นำไปประมูลใหม่ในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.) แต่หากถ้าไม่มีผู้สนใจก็เก็บไว้ก่อน หลังจากนั้นก็จะประกาศขายทอดตลาดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม สำหรับการประมูลทั้ง 2 วันที่ผ่านมา สามารถทำรายได้ 108 ล้านบาท ส่วนในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ย.) จะมีการประมูลรถที่มีราคาสูงอีก 60 คัน
