ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ปิดกล้องไปเรียบร้อยแล้ว ภาพยนตร์ “มหาลัยวัวชน Song From Phatthalung” ผู้กำกับยืนยันไม่ใช่หนังอาร์ตที่เข้าใจยาก เผยทำด้วยใจ เพื่อคนบ้านๆ มีคิวเข้าฉายพร้อมกันทั่วประเทศ เดือน ม.ค.2560 นี้
วันนี้ (23 ส.ค.) นายบุญส่ง นาคภู่ ผู้กำกับภาพยนตร์กลุ่มปลาเป็นว่ายทวนน้ำ เปิดเผย “MGR Online ภาคใต้” ว่า โปรเจกต์การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “มหาลัยวัวชน Song From Phatthalung” นำแสดงโดย “พงศ์ วงพัทลุง” เจ้าของผลงานเพลง “มหาลัยวัวชน” ได้ปิดกล้องไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากถ่ายทำฉากสุดท้ายเสร็จสิ้นลง ขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนของการตัดต่อในสตูดิโอ และมีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศพร้อมกันในเดือนมกราคม 2560 นี้
นายบุญส่ง ระบุถึงที่มาของภาพยนตร๋เรื่องนี้ไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เขาระบุถึงที่มาของหนัง ว่า ตอนนั้นกำลังตัดต่อหนัง “ธุดงควัตร” (Wandering) เริ่มคิดถึงหนังเรื่องใหม่ มีหลายเรื่องมากจนเลือกไม่ถูก เพื่อนกวีโอ (อภิชาต จันทร์แดง-นักเขียน) บอกให้ฟังเพลง “มหาลัยวัวชน” และแนะนำให้รู้จักโอ พารา คนแต่ง และ พงศ์ คนร้อง พอฟังจบคุยเสร็จก็ตกลงใจทันที
“ผมไปคุยกับโอ พารา 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 กับ 3 จึงเจอพงศ์ เรามองตาก็เหมือนรู้ใจกัน คงเป็นเพราะความเป็นคนบ้านนอกคอกนา เป็นเด็กบ้านๆ เหมือนกันนั่นแหละ”
บุญส่ง กล่าวและว่า ตั้งใจไว้ว่าต้องทำเรื่องนี้ให้ดีกว่า “ธุดงควัตร” มิเช่นนั้นก็ย่ำอยู่กับที่ ท่องประโยคนี้มาหลายปี “คนทำหนังต้องท้าทายตัวเอง ต้องพัฒนาตัวเองเสมอ” และต้องทำให้ได้อย่างที่พูด
“ผมกับเพื่อนกวีโอ เริ่มคิดเขียนบทกันตั้งแต่เจอโอ พารา กับพงศ์ครั้งที่ 2 แก้ไปมาหลายรอบ มาเสร็จสมบูรณ์ก่อนถ่ายแค่ 5-6 วัน เสร็จแล้ว ก็เตรียมงานเลย ผมมองไปรอบทิศ วิเคราะห์ในทุกมุมมอง ผมคิดว่าผมเอาอยู่ จึงตกลงปลงใจจะทำ ทั้งที่ไม่มีทุนรอนอะไร เรา 4 คนสุมหัวกัน (ผม กวีโอ พงศ์ และโอ พารา) และตกลงว่า เราจะร่วมมือร่วมใจกันเสี่ยง เราทำด้วยหัวใจบริสุทธิ์ ถ้าเจ๊งก็เป็นบทเรียนชีวิตของนักฝัน”
ส่วนประเด็นที่หลายคนสงสัยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีรูปแบบเป็นอย่างไรนั้น อภิชาต จันทร์แดง ซึ่งรับหน้าที่เขียนบทร่วมกับ บุญส่ง นาคภู่ บอกว่า สิ่งแรกที่เราคิดคือ หนังเรื่องนี้จะต้องมีความเป็นหนังบ้านบ้านให้มากที่สุด หมายถึงว่าเป็นหนังที่ต้องการสื่อสารกับคนชายขอบที่เป็นชาวบ้านทั่วไปให้มากที่สุดเหมือนกับเพลงมหาลัยวัวชน
“เราออกแบบไว้ว่าหนังเรื่องนี้จะต้องใช้ภาษาใต้ดิบๆ ในบทพูดเพื่อให้ใกล้ชิดกับผู้ชมมากที่สุดและสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด มันจะเป็นหนังจากภาคใต้เรื่องแรกที่ใช้ภาษาใต้ล้วนๆ ในบทสนทนา แต่เรื่องราวที่พูดที่สื่อสารออกมานั้นเป็นเรื่องราวที่คนบ้านบ้านทั่วประเทศต่างพบเจอในชีวิตประจำวัน และสามารถสัมผัสได้ถึงความหมายที่หนังสื่อออกมา”
โอ พารา หัวหอกของค่ายพาราฮัท มิวสิค ผู้เขียนเพลงมหาลัยวัวชน และอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเพลงนี้มาตั้งแต่ต้น บอกว่า ภาพยนตร์มหาลัยวัวชนสร้างขึ้นจากชีวิตจริงของเขา และน้องๆ ในสังกัดพาราฮัท มิวสิค ชีวิตของพวกเขาก่อนที่จะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เรื่องราวก่อนหน้านั้นล้วนเป็นสิ่งที่น่าประทับใจ และอยากสื่อสารให้คนทั่วไปได้มีส่วนรับรู้ด้วย
“เพลงนี้ประสบความสำเร็จมาก จากเนื้อหาในบทเพลงเราอยากให้คนทั่วประเทศได้ซึมซับอะไรมากกว่านั้นเพราะคนในภาคอื่นอาจยังไม่เข้าใจว่าเป็นเด็กบ้านบ้าน เป็นเด็กเลี้ยงวัวแล้วยังไง จึงอยากตีแผ่วิถีชีวิตตรงนี้ของคนใต้ให้คนภาคอื่นได้เห็น ซึ่งจริงๆ แล้วสังคมชนบททุกวันนี้ ทุกท้องถิ่นต่างเผชิญในสิ่งที่ไม่แตกต่างกันเลย”
พงศ์ วงพัทลุง นักแสดงนำบอกว่า เนื่องจากหนังสร้างจากชีวิตของพวกเขาเอง การถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ในรูปแบบของภาพยนตร์จึงทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้น และดีใจที่ได้ร่วมกันต่อยอดจากบทเพลงสู่ภาพยนตร์ และเนื่องจากหนังสร้างเกี่ยวกับตัวเขา บทที่ได้รับจึงไม่กดดันมากนักแม้จะเป็นหน้าใหม่สำหรับงานแสดงภาพยนตร์ก็ตาม
“เพราะได้แสดงเป็นตัวเองเลยรู้สึกสนุก และไม่ต้องกังวลอะไรมากมาย แค่ทำไปตามธรรมชาติ ทำให้ดีที่สุด เพื่อทุกๆ คน ผมระลึกเสมอว่า ถ้าไม่มีทุกคน ก็ไม่มีเราวงพัทลุง ฝากหนังเรื่องนี้ไว้ด้วยครับ”
ขณะที่บุญส่ง นาคภู่ บอกในเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาว่า มีสำเนียงเสียงแปลกแปร่งแว่วเข้าหูเยอะอยู่ ทำนองว่า “กูว่าพี่สืบทำหนังอาร์ตแน่ๆ...” ไม่จริง นี่เป็นหนังตลาด ขอยืนยัน หนังตลาด เป็นความฝันที่ตนเองอยากทำมานาน
“มหาลัยวัวชน” (Song from Phatthalung) แค่ชื่อก็ตลาดแล้ว จะมัวงกเงิ่นทำเป็นหนังอาร์ตมันก็เกินไปหน่อย คำถามแรกคือ ตลาดแบบไหน? คำถามสอง คืออย่างไหนอาร์ต? อย่างไหนตลาด ตลาดมีหลายแบบ แบบตีหัวเข้าบ้าน แบบไร้สาระ ฮาลูกเดียว หรือแบบมีค่ามีสาระ มองว่า มหาลัยวัวชน เป็นหนังตลาดแบบมีค่ามีสาระ ที่ต้องมีค่า ก็เพื่อให้ผู้ชมคุ้มค่าในการดู คือ นอกจากขำ และสนุกถึงอรรถรสแล้ว ก็ยังมีอะไรติดไม้ติดมือกลับบ้าน
“ส่วนอย่างไหนอาร์ต หรือตลาดนั้น? ผมว่า เราก็รู้กันอยู่แล้ว สำหรับผม อาร์ตคืองาม ประณีต กระตุกความคิด และให้เกียรติผู้ชม ส่วนตลาดนั้น สรุปง่ายๆ คือ มันต้องถึงอารมณ์ คือ ขำก็ขำเต็มที่ เศร้าก็ร้าวรานหัวใจ ระทึกก็นั่งไม่ติดเก้าอี้ หรือครบรสทั่วถ้วนกันไปเลย ผมขอเพิ่มอีกนิด ผมว่า หนังตลาดนั้นคนดูจะต้องละสายตาจากจอหนังแทบไม่ได้”
เขาบอกว่า หนัง “มหาลัยวัวชน” (Song from Phatthalung) เขากับเพื่อนๆ ทำด้วยสติปัญญาทั้งหมดที่มี ทีแรกก็ว่าจะทำแบบสบายๆ ไม่จริงจังมาก แต่ทำไปมามันก็อิน จนแยกไม่ออกว่าอะไรคือจริงจัง อะไรคือสบายๆ ถึงตอนนี้ก็ยังงงว่าเราจะทำอะไรแบบกั๊กๆ ปล่อยพลังแค่ครึ่งเดียวได้จริง ๆ หรือ?
“โดยสรุปก็คือ อย่าได้กังวลไปเลยว่า “มหาลัยวัวชน” (Song from Phatthalung) จะเป็นหนังอาร์ตที่ต้องปีนบันไดดู แต่ขอให้มองว่า มันคือหนังแมสหนังตลาดที่คนทำ ทำด้วยหัวใจ ด้วยชีวิต ด้วยเหตุปัจจัย และด้วยสติปัญญาทั้งหมดที่มี และผมได้แอบกำกับลมหายใจของท่านผู้ชม ให้อยู่กับปัจจุบันขณะบนจอหนังเอาไว้ด้วย”
มหาลัยวัวชน Song from Phatthalung ภาพยนตร์ชีวิตของคนหนุ่ม เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนหนุ่มสาว เรื่องราวชีวิต ความคิด ความฝัน กำลังเคลื่อนขบวน บุญส่ง นาคภู่ : กำกับภาพยนตร์, อภิชาติ จันทร์แดง, บุญส่ง นาคภู่ : บทภาพยนตร์, ธีรวัฒน์ รุจินธรรม, วรรธนะ วันชูเพลา : กำกับภาพ, ปรเมศวร์ กาแก้ว : ภาพนิ่ง, ทิวากร แก้วบุญส่ง (โอ พารา), เทอดพงศ์ เภอบาล (พงศ์ วงพัทลุง), ยุวดา โอฬาร์กิจ (มิสคันทรี่เกิร์ลไทยแลนด์) : แสดงนำ
