xs
xsm
sm
md
lg

สนธิกำลังตรวจสอบบ้านพักตากอากาศหรูรุกที่สาธารณะอ่าวทุ่งทราย โฉนดถูกเพิกถอนมากว่า 10 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ชุมพร - เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าตรวจสอบบ้านพักตากอากาศมูลค่าร่วม 100 ล้านของ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ญาตินักการเมืองใหญ่ บุกรุกที่สาธารณะอ่าวทุ่งทราย จ.ชุมพร   หลังที่ดินถูกเพิกถอนโฉนดออกโดยมิชอบมานานนับ 10 ปี แต่หน่วยงานเกี่ยวข้องกลับเพิกเฉย แถมปล่อยให้มีบุกรุกเพิ่มมากกว่าเดิม เตรียมเรียกตัวรับทราบข้อกล่าวหา เผยทำเป็นขบวนการ มีหน่วยงานรัฐเกี่ยวข้อง เตรียมประสาน ป.ป.ช.ร่วมสอบด้วย

หลังมีการแจ้งความดำเนินคดีต่อ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ผู้มีชื่อเสียงในแวดวงสังคม เป็นญาตินักการเมืองใหญ่ระดับชาติ ข้อหาบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์อ่าวทุ่งทราย หมู่ 3 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ตามข่าวที่เสนอมาต่อเนื่องนั้น ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (22 ส.ค.) คณะนายทหารนำโดย พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารฝ่ายยุทธโยธา พ.ต.สังคม รองมาลี นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน ร.ท.อาทิตย์ คลังนิมิต สวส. (ฝ่ายกฎหมาย) จ.ส.อ.อมร ไชยขัน เจ้าหน้าที่ที่ดิน ฝ่ายยุทธโยธา บก.ควบคุม มทบ.44 ชุมพร ได้เดินทางเข้าพบกับ นายทะนง รุ่งเรือง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร สาขา อ.ปะทิว เพื่อขอเอกสารหลักฐาน และประกาศราชกิจจานุเบกษาที่ดินสาธารณะอ่าวทุ่งทราย พร้อมกับเอกสารโฉนดที่ดินของ ดร.พิริยะ ที่ถูกอธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งเพิกถอนมานานกว่า 10 ปี แผนที่ระวาง และเอกสารการครอบครองทั้งหมดที่เกี่ยวข้องต่อ ดร.พิริยะ โดยใช้เวลาตรวจสอบค้นหานานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

จากนั้น เวลา 14.00 น. พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารฝ่ายยุทธโยธา พร้อมนายทหารทั้งหมดเดินทางไปประชุมที่ อบต.ปากคลอง ร่วมกับ นายประไพ กาละ ปลัดอำเภอปะทิว นายประกิจ แข่งขัน รองนายก อบต. นายทรงสิทธิ์ พุ่มศรี รองนายก อบต. ร.ต.อ.นพชัย เกื้อบุญแก้ว รองสารวัตรสอบสวน สภ.มาบอำมฤต เจ้าของคดี เพื่อตรวจสอบข้อมูลเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต่อมา คณะทั้งหมดพร้อมกำลังทหารกว่า 10 นาย ได้นำคำสั่ง คสช.ที่ 223/2559 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2559 ออกโดย พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผบ.มทบ.44/ผบ.บก.ควบคุมมณฑลทหารบกที่ 44 เรื่องตรวจสอบการบุกรุกที่สาธารณะอ่าวทุ่งทราย ที่ให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมีอำนาจดำเนินการใดๆ เข้าไปตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวในที่ดินแปลง 19 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา ที่ถูกอธิบดีกรมที่ดิน มีคำสั่งเพิกถอนออกโดยมิชอบตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2548

โดยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดได้เดินเข้าไปทางประตูรั้วบริเวณริมถนนสาธารณะด้านทิศตะวันตก มีการสร้างถนนคอนกรีตอย่างดีเป็นระยะทางยาวประมาณ 600 เมตร พร้อมมีเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่ติดตั้งหม้อแปลงกำลังส่งขนาด 3 เฟลต ไปจนถึงบ้านพักตากอากาศหรูหลังขนาดใหญ่ 2 หลัง สร้างเป็นอาคาร 2 ชั้น รูปทรงคล้ายกัน ปลูกห่างกันประมาณ 100 เมตร รวมมูลค่าร่วม 100 ล้านบาท

นอกจากนั้น พื้นที่ข้างเคียงยังมีบ้านพักหลังเล็กสวยหรูอีก 2 หลัง บ้านพักคนงาน 1 หลัง ขณะตรวจสอบไม่มีผู้ใดอยู่ แต่มีสัตว์เลี้ยงสุนัขอยู่หลายตัว จากการตรวจสอบพบร่องรอยคนงานมาคอยดูแลทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลา พร้อมปลูกไม้ดอกไม้ประดับ สวนหย่อมสวยหรูคล้ายกับรีสอร์ตส่วนตัว ซึ่งบ้านทั้งหมดสร้างอยู่บนเนินทรายสูง ด้านหน้าอยู่ทิศตะวันออกใกล้กับทะเลทิวทัศน์สวยงาม มีการทำถนนคอนกรีต และบันไดลงไปยังริมชาดหาดด้วย เจ้าหน้าที่ได้บันทึกภาพเก็บไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นทั้งหมดได้ไปตรวจวัดพิกัดบริเวณหน้าชายหาด ซึ่งพบว่า นอกจากที่ดินแปลงที่ถูกเพิกถอนมานานกว่า 10 ปีแล้ว ยังมีการบุกรุกเพิ่มเติมอีกจำนวนหลายไร่ มีการวางเสาปูนใช้ลวดหนาวกั้นรั้วรวมอาณาบริเวณเป็นที่ดินผืนเดียวกันทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 60 ไร่

ขณะเดียวกัน น.ส.สุภาวณีย์ ชูโชติ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดชุมพร นายทะนง รุ่งเรือง เจ้าพนักงานที่ดินสาขา อ.ปะทิว ได้เดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครองที่กำลังตรวจสอบอยู่ริมชายหาด พร้อมกับกำชับให้เจ้าพนักงานที่ดินอำเภอร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากเรื่องดังกล่าวอธิบดีกรมที่ดิน และปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ความสนใจ และสั่งการให้รายงานข้อเท็จจริงทราบโดยเร็ว

นายประไพ กาละ ปลัดอำเภอปะทิว กล่าวว่า เรื่องนี้ทางนายอำเภอ และผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสนใจมาก ได้สั่งการให้ตนตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับฝ่ายทหาร เพราะไม่มีใครรู้มาก่อนว่าที่ดินแปลงดังกล่าวมีการเพิกถอนมานานแล้ว แต่ทำไมจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงไม่รู้ โดยให้ตนรวบรวมหลักฐานเข้ารายงานให้ทราบภายในวันที่ 24 ส.ค.นี้

ด้าน ร.ต.อ.นพชัย เจ้าของคดีกล่าวว่า เมื่อมีการแจ้งความกล่าวหาต่อ ดร.พิริยะ แล้ว พนักงานสอบสวนก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานในการดำเนินคดี จากนั้นก็จะแจ้งให้ ดร.พิริยะ มารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนต่อไป

ขณะที่ พ.ท.ดุสิต เกสรแก้ว นายทหารฝ่ายยุทธโยธา กล่าวว่า ตนได้ปรึกษากับทีมงานนายทหารทั้งหมดแล้วเห็นตรงกันว่า คดีนี้มีการทำกันเป็นขวนการ มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน และเกี่ยวข้องต่อส่วนราชการ จึงต้องปรึกษากับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ว่าจะมีอำนาจหน้าที่เข้าสอบสวนคดีได้หรือไม่อย่างไร หากได้ก็จะให้มาร่วมสอบสวนทำคดีด้วย


 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น