กระบี่ - โลกโซเชียลแฉ! โครงการก่อสร้างสนามกีฬาระดับตำบล งบก่อสร้างกว่า 12 ล้านบาท หลังรับมอบงานกลับกลายเป็นสนามร้าง ต้นไม้ และหญ้าขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณ ไม่สามารถจัดกิจกรรม หรือการแข่งขันกีฬาได้ วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และประสานผู้รับเหมามาดำเนินการปรับปรุงโดยเร็ว
วันนี้ (22 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้โลกโซเชียลกำลังกระหน่ำแชร์ภาพสนามฟุตบอลที่มีหญ้า และต้นไม้ขึ้นปกคลุมจำนวนมากแทบมองไม่เห็นสนาม โดยเฟซบุ๊ก Nattiwat Ragsakit ระบุว่า “นี่คือ สนามฟุตบอลระดับตำบลที่ได้งบประมาณจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา งบประมาณ 13 ล้านบาท พร้อมโรงยิมอเนกประสงค์ และลานกีฬา ปัจจุบันได้ส่งมอบงานเป็นที่เรียบร้อย มีนายอำเภอ เป็นประธาน และคณะกรรมการอีก 4 ท่าน วันนี้พี่น้องชาวตำบลเกาะกลางร้องเรียนผ่านมาทาง ส.จ. ในพี้นที่ และให้เวลาในการแก้ไข และปรับปรุงหากไม่ดำเนินการ ชาวบ้านและพี่น้องจะร้องเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ตามลำดับ”
หลังมีการโพสต์ข้อความ และภาพสนามฟุตบอลดังกล่าว ได้มีการแสดงความคิดเห็น และแชร์ต่อกันจำนวนมาก และต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ต่อมา ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบสนามดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ ม.4 บ้านคลองย่าหนัด ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา อยู่ในสภาพรกร้าง มีต้นหญ้า และต้นไม้ขนาดเล็กขึ้นปกคลุมทั่วทั้งสนาม มองเห็นเพียงเสาประตูฟุตบอลโผล่ขึ้นมา 2 ฝั่งสนาม นอกจากนี้ ลู่วิ่งรอบสนามก็มีสภาพเป็นดินโคลนตม ไม่สามารถใช้จัดกิจกรรมได้ ขณะที่อัฒจันทร์ก็กลายเป็นที่ทิ้งขยะสกปรกไร้การดูแล
จากการสอบถาม นายวิชัย รักษากิจ ผู้ใหญ่บ้านคลองย่าหนัด ทราบว่า สนามฟุตบอลดังกล่าวอยู่ในโครงการ “สนามกีฬาระดับตำบล” สร้างในพื้นที่บ้านคลองย่าหนัด ม.4 ต.เกาะกลาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ประกอบด้วย สนามฟุตบอล โรงยิมอเนกประสงค์ และลานกีฬา งบประมาณทั้งสิ้น 12,520,000 บาท เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 14 ก.ค.58 สิ้นสุดสัญญาเมื่อวันที่ 24 พ.ค.59 ที่ผ่านมา แต่หลังส่งมอบงานได้ประมาณ 2 เดือนเศษก็มีสภาพอย่างที่เห็น มีหญ้าขึ้นเต็ม ชาวบ้านจึงได้เรียกร้องให้เร่งแก้ไขโดยเร็ว นอกจากนี้ บริเวณสนามฟุตซอล หรือลานกีฬาก็มีรอยแตกร้าว แผ่นคอนกรีตหลุดออกมาด้วย การก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน แต่ไม่มีการตรวจสอบ
นายวิชัย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาได้ทำหนังสือผ่านปลัด อบต.เกาะกลาง ผ่านไปยังนายอำเภอ เพื่อให้เร่งรัดผู้รับเหมาเข้ามาดูแลปรับปรุงแก้ไข แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ขณะนี้ยังเหลือเวลารับประกันอีกประมาณ 2 ปี ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ชาวบ้านในตำบลเกาะกลาง ก็เสียโอกาส และงบประมาณที่ได้มา 12 ล้านบาท ก็ไม่เกิดประโยชน์ จึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโดยเร็ว
