“MGR Online ภาคใต้” เปิดปฏิบัติการแกะรอยเหตุวินาศกรรมป่วน 7 จังหวัดภาคใต้ “แม่ทัพ 4” ยันข่าวกรองมีข้อมูลเชื่อมโยงไฟใต้ถึงขั้นวาดเส้นวางแผนทางก่อการได้ พร้อม 13 รายชื่อผู้ลงมือ ด้านตำรวจส่ง “พล.ต.ท.สุชาติ ธีรสวัสดิ์” ลุยชายแดนใต้ ติดตามความเคลื่อนไหวแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน
วันนี้ (16 ส.ค.) พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาค แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยถึงความคืบหน้าในเหตุการณ์ก่อการร้ายทั่ว 7 จังหวัดภาคใต้ว่า จากข่าวกรองของฝ่ายความมั่นคงมีหลักฐานที่ชี้ว่า มือป่วน 7 จังหวัดภาคใต้ครั้งนี้มีความเชื่อมโยงกับ “กลุ่มคนร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยกลุ่มคนร้ายส่วนหนึ่งที่เป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้แน่นอน โดยเป็นคนที่ไปจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนี้หน่วยงานความมั่นคงมีรายชื่ออยู่แล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งกำลังตรวจสอบแหล่งที่อยู่เพื่อที่จะนำตัวมาสอบสวน
แต่อย่างไรก็ตาม สาเหตุของการก่อการร้ายใน 7 จังหวัดภาคใต้ในครั้งนี้ยังไม่สามารถที่จะระบุได้ว่า เป็นการสั่งการของกลุ่มไหน เป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดน หรือเป็นกลุ่มก่อการร้ายภายในประเทศ ซึ่งต้องรอผลการสืบสวน และการสอบสวนบุคคลที่ต้องสงสัยก่อน ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองยังอยู่ระหว่างการทำงานเพื่อขยายผลอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้หน่วยงานความมั่นคงได้หลักฐานจากที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นอุปกรณ์การประกอบระเบิด และโทรศัพท์ที่ใช้ในการก่อเหตุ สำหรับโทรศัพท์นั้นรู้แล้วว่าเป็นเครื่องที่ซื้อจากประเทศมาเลเซีย โดยมีคนในขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ชายแดนใต้ผู้หนึ่งดำเนินการ ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงมีชื่ออยู่แล้ว และกำลังติดตามตัว โดยเป็นผู้นำเข้ามาส่งให้แก่กลุ่มคนร้ายที่ทำหน้าที่ประกอบระเบิด
ขณะนี้มีรายชื่อของผู้ที่อยู่ในขบวนการก่อเหตุร้ายครั้งนี้ที่เดินทางไปจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งจาก จ.ปัตตานี จ.สงขลา และ จ.นราธิวาส จำนวน 13 คน ซึ่งเป็นกลุ่มคนร้ายที่เคยก่อเหตุในพื้นที่ และหลังก่อเหตุได้มีการหลบหนีออกจากพื้นที่ก่อเหตุแล้ว
แหล่างข่าวจากหน่วยงานความมั่นคงเปิดเผยว่า เบื้องต้น จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ ทั้งก่อนเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ รวมทั้งกล้องวงจรปิดบนถนนสายต่างๆ ที่คนร้ายใช้ในการเดินทางก่อนวางระเบิด และหลบหนีนั้น เจ้าหน้าที่ได้ภาพผู้ต้องสงสัยที่เป็น “ชาวมุสลิม” จำนวนหนึ่ง รวมทั้งรถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะของคนร้าย ซึ่งขณะนี้มีความชัดเจนมากขึ้น
ในขณะที่ พล.ต.ท.สุชาติ ธีรสวัสดิ์ ผู้บัญชาการประจำสำงานตำรวจ ได้เดินทางเข้าพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อติดตามตัวผู้ต้องสงสัยที่หลบหนีจากที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการข่าวเชื่อว่ายังหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ จ.นราธิวาส
สำหรับการคลี่คลายคดีในครั้งนี้ มีการทบทวนเหตุ “คาร์บอมบ์ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย” ที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2558 เป็นต้นแบบ เพราะมีรูปแบบการก่อเหตุที่คล้ายกัน ต่างกันเฉพาะระเบิดที่ใช้เท่านั้น
ส่วนความเคลื่อนไหวในพื้นที่นั้น พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ ผบก.ใน 7 จังหวัดที่เกิดเหตุติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มเครือข่ายของ “แนวร่วม” ขบวนการก่อการร้ายในพื้นที่ ซึ่งจากการสืบสวนพบว่า ก่อนที่จะมีการวางระเบิดคนร้ายมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ และมีคนในพื้นที่ให้ความร่วมมือในการชี้เป้าหมายของการก่อเหตุ
โดยเฉพาะการก่อเหตุในพื้นที่ จ.ภูเก็ต มีหลักฐานยืนยันถึงการเตรียมก่อเหตุว่า เป็นหมู่บ้านหนึ่งในตัวเมือง ส่วนที่ จ.พังงา กลุ่มคนร้ายเข้ามาพักอาศัยอยู่ในเกาะแห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับใน จ.ตรัง ที่แหล่งซ่องสุมของขบวนการเป็นเกาะแห่งหนึ่ง ซึ่งชื่อของหมู่บ้าน และของเกาะต่างๆ ขอไม่เปิดเผยชื่อ เพราะไม่ต้องการให้กระทบต่อคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเครือข่ายของคนร้าย