ชุมพร - ราษฎร 6 หมู่บ้าน กว่าพันครัวเรือน เรียกร้องรัฐบาล คสช.ช่วย หลังอาศัยอยู่ในที่ดินจัดสรรนิคมสหกรณ์นานเกือบ 40 ปี จนเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีทะเบียนราษฎร บ้านเลขที่ ผู้ใหญ่บ้าน วัด มัสยิด โรงเรียน ถนนลาดยาง สิ่งสาธารณูปโภค แต่ไร้เอกสารสิทธิ
วันนี้ (24 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ฤทัย จันทนา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 บ้านน้ำพุ ตำบลท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พร้อมด้วย นายมนต์ชาย มนูลผล ส.อบต.ท่าแซะ นางสาลิกา ยังสวัสดิ์ กรรมการหมู่บ้าน นายมนัญชัย ชมท่าไม้ นายเกรียงไกร มิตรเจริญ นายมาลัย พนัชนาชี นายสมนึก อุสมาน นายสุทัศน์ ใจมีบุญ นายอร่าม นะรอฮีม ทั้งหมดเป็นตัวแทนชาวบ้าน หมู่ 12, 13, 14, 16, 17, 18 ตำบลท่าแซะ พร้อมชาวบ้านอีกกว่า 200 คน มารวมตัวกันที่ศาลาอเนกประสงค์บ้านน้ำพุ หมู่ 13 ตำบลท่าแซะ เพื่อประชุมปรึกษาหารือแนวทางการเคลื่อนไหว และเดินทางไปพบกับ พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. พร้อมขอความช่วยเหลือเนื่องจากที่อยู่อาศัยในปัจจุบันไม่มีเอกสารสิทธิ
พร้อมกับนำผู้สื่อข่าวลงสำรวจพื้นที่จริงจากกรณีที่ชาวบ้านกว่า 1,000 ครัวเรือน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จัดสรรของนิคมสหกรณ์ท่าแซะ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตาม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 มานานร่วม 40 ปี จนมีทะเบียนราษฎร บ้านเลขที่ออกโดยกรมการปกครอง มีถนนลาดยาง ไฟฟ้า น้ำประปา วัด มัสยิด โรงเรียน มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน และสิ่งสาธารณูปโภคครบครันจนกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ แต่ยังไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดินอยู่อาศัยดังกล่าว
น.ส.ฤทัย จันทนา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 บ้านน้ำพุ ตำบลท่าแซะ กล่าวว่า ในหมู่ 13 ที่ตนเป็นผู้ใหญ่บ้าน มีทั้งหมด 470 ครัวเรือน ประชากร 1,360 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ตาม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 มานานร่วม 40 ปี มีครัวเรือนที่ได้รับเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินแล้ว 50 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือยังไม่มี นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านหมู่ 12, 14, 16, 17, 18 ตำบลท่าแซะ อีกบางส่วนรวมแล้วกว่า 1,000 ครัวเรือน ประชากรหลายพันคน ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิในที่ดินดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมา ได้ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนมาอย่างต่อเนื่อง สอบถามไปยังผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ก็ได้รับคำตอบที่ไม่ชัดเจน จึงขอเรียกร้องไปยังผู้เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น
ด้าน นางสาลิกา ยังสวัสดิ์ กรรมการหมู่บ้าน หมู่ 13 ตำบลท่าแซะ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่จากนิคมสหกรณ์ท่าแซะ มาทำการตารังวัดและวางหมุดแบ่งเขตแดนชาวบ้านได้จ่ายค่ารังวัด และรวบรวมเอาเอกสารทั้งหมดไป แล้วเรื่องก็เงียบหาย จากนั้นไม่นานก็มาในลักษณะเดิมอีกเราก็เสียเงินค่ารังวัดกันทุกครั้ง จนถึงปัจจุบันเรื่องก็ยังเงียบหาย จึงอยากให้ คสช.และรัฐบาลชุดปัจจุบันช่วยพวกเราด้วย
นายมนัญชัย ชมท่าไม้ ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านเข้ามาอยู่ในที่ดินดังกล่าวตามที่ทางนิคมสหกรณ์ท่าแซะเป็นผู้จัดสรรให้พวกเราได้สร้างบ้านอยู่อาศัยมากว่า 30 ปี แต่ก็ไม่ทราบว่าเกิดจากข้อขัดข้องอะไร ดังนั้น ในยุครัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่มีนโยบายจัดสรรที่ดินทำกินแก่ประชาชนอยู่แล้ว ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ และช่วยตรวจสอบด้วยว่าที่ผ่านมาติดขัดอะไรพวกเราถึงไม่ได้เอกสารสิทธิ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์เข้ามือถือของ นายวิเชียร ชาญสตบุตร ผอ.นิคมสหกรณ์ท่าแซะ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวหลายครั้งแต่ไม่รับสาย ซึ่งจะติดตามความคืบหน้ามานำเสนอต่อไป
วันนี้ (24 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ฤทัย จันทนา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 บ้านน้ำพุ ตำบลท่าแซะ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พร้อมด้วย นายมนต์ชาย มนูลผล ส.อบต.ท่าแซะ นางสาลิกา ยังสวัสดิ์ กรรมการหมู่บ้าน นายมนัญชัย ชมท่าไม้ นายเกรียงไกร มิตรเจริญ นายมาลัย พนัชนาชี นายสมนึก อุสมาน นายสุทัศน์ ใจมีบุญ นายอร่าม นะรอฮีม ทั้งหมดเป็นตัวแทนชาวบ้าน หมู่ 12, 13, 14, 16, 17, 18 ตำบลท่าแซะ พร้อมชาวบ้านอีกกว่า 200 คน มารวมตัวกันที่ศาลาอเนกประสงค์บ้านน้ำพุ หมู่ 13 ตำบลท่าแซะ เพื่อประชุมปรึกษาหารือแนวทางการเคลื่อนไหว และเดินทางไปพบกับ พล.อประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. พร้อมขอความช่วยเหลือเนื่องจากที่อยู่อาศัยในปัจจุบันไม่มีเอกสารสิทธิ
พร้อมกับนำผู้สื่อข่าวลงสำรวจพื้นที่จริงจากกรณีที่ชาวบ้านกว่า 1,000 ครัวเรือน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จัดสรรของนิคมสหกรณ์ท่าแซะ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตาม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 มานานร่วม 40 ปี จนมีทะเบียนราษฎร บ้านเลขที่ออกโดยกรมการปกครอง มีถนนลาดยาง ไฟฟ้า น้ำประปา วัด มัสยิด โรงเรียน มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน และสิ่งสาธารณูปโภคครบครันจนกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ แต่ยังไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดินอยู่อาศัยดังกล่าว
น.ส.ฤทัย จันทนา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 บ้านน้ำพุ ตำบลท่าแซะ กล่าวว่า ในหมู่ 13 ที่ตนเป็นผู้ใหญ่บ้าน มีทั้งหมด 470 ครัวเรือน ประชากร 1,360 คน อาศัยอยู่ในพื้นที่ตาม พ.ร.บ.จัดสรรที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 มานานร่วม 40 ปี มีครัวเรือนที่ได้รับเอกสารสิทธิเป็นโฉนดที่ดินแล้ว 50 ครัวเรือน ส่วนที่เหลือยังไม่มี นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านหมู่ 12, 14, 16, 17, 18 ตำบลท่าแซะ อีกบางส่วนรวมแล้วกว่า 1,000 ครัวเรือน ประชากรหลายพันคน ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิในที่ดินดังกล่าวด้วยเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมา ได้ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนมาอย่างต่อเนื่อง สอบถามไปยังผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ก็ได้รับคำตอบที่ไม่ชัดเจน จึงขอเรียกร้องไปยังผู้เกี่ยวข้องลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น
ด้าน นางสาลิกา ยังสวัสดิ์ กรรมการหมู่บ้าน หมู่ 13 ตำบลท่าแซะ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่จากนิคมสหกรณ์ท่าแซะ มาทำการตารังวัดและวางหมุดแบ่งเขตแดนชาวบ้านได้จ่ายค่ารังวัด และรวบรวมเอาเอกสารทั้งหมดไป แล้วเรื่องก็เงียบหาย จากนั้นไม่นานก็มาในลักษณะเดิมอีกเราก็เสียเงินค่ารังวัดกันทุกครั้ง จนถึงปัจจุบันเรื่องก็ยังเงียบหาย จึงอยากให้ คสช.และรัฐบาลชุดปัจจุบันช่วยพวกเราด้วย
นายมนัญชัย ชมท่าไม้ ตัวแทนชาวบ้าน กล่าวว่า ชาวบ้านเข้ามาอยู่ในที่ดินดังกล่าวตามที่ทางนิคมสหกรณ์ท่าแซะเป็นผู้จัดสรรให้พวกเราได้สร้างบ้านอยู่อาศัยมากว่า 30 ปี แต่ก็ไม่ทราบว่าเกิดจากข้อขัดข้องอะไร ดังนั้น ในยุครัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ที่มีนโยบายจัดสรรที่ดินทำกินแก่ประชาชนอยู่แล้ว ขอให้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ และช่วยตรวจสอบด้วยว่าที่ผ่านมาติดขัดอะไรพวกเราถึงไม่ได้เอกสารสิทธิ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์เข้ามือถือของ นายวิเชียร ชาญสตบุตร ผอ.นิคมสหกรณ์ท่าแซะ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวหลายครั้งแต่ไม่รับสาย ซึ่งจะติดตามความคืบหน้ามานำเสนอต่อไป
