ตรัง - ชาวบ้านตระกูล “สุขเสน” ในพื้นที่ ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เข้าแจ้งความขอความเป็นธรรมต่อ สภ.วังวิเศษ หลังเดือดร้อนอย่างหนักเพราะถูกขับให้ออกไปจากผืนดินดั้งเดิมของตนเองที่ได้อยู่อาศัยมานานกว่า 50 ปีแล้ว
วันนี้ (23 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประดิษฐ์ สุขเสน กำนันตำบลวังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง พร้อมด้วย นายสิทธิพร พูดเพราะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ต.วังมะปรางเหนือ รวมทั้งตัวแทนชาวบ้านตระกูลสุขเสน นำโดย นายรอง สุขเสน น.ส.บุญเย็น บุญไพฑูรย์ ตลอดจนเพื่อนบ้าน และญาติพี่น้องซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.วังมะปรางเหนือ ได้เดินทางเข้าแจ้งความเพื่อขอความเป็นธรรมต่อ สภ.วังวิเศษ โดยอ้างว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการถูกศาลพิพากษาให้แพ้คดีถือครองที่ดินที่อาศัยมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษหลายชั่วอายุคนแล้ว แต่จู่ๆ กลับถูก นายวัชรพงศ์ อินทรวิเศษ อายุ 45 ปี ซึ่งเป็นอดีตลูกเขยของ นายรอง ยื่นฟ้อง และกล่าวหาว่า พวกตนบุกรุกที่ดิน มีพฤติกรรมครอบครอง และถูกขับให้ออกไปจากผืนดินดั้งเดิมดังกล่าว
น.ส.บุญเย็น บุญไพฑูรย์ หนึ่งในผู้เสียหายกล่าวว่า พวกตนต่อสู้เรื่องนี้มากว่า 10 ปี และถูกตัดสินให้แพ้คดีทั้ง 3 ศาล จนแทบหมดเนื้อหมดตัว อีกทั้งบางคนต้องเป็นหนี้เป็นสิน เพราะยอมรับไม่ได้ต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบที่ดินทำมาหากิน และได้อยู่อาศัยมานานกว่า 50 ปีแล้ว สำหรับที่ดินแปลงนี้มีเนื้อที่ทั้งหมด 10 ไร่เศษ และมีพี่น้องญาติๆ อาศัยอยู่ในผืนดินเดียวกัน 8 ครอบครัว รวมประมาณ 30 คน ซึ่งต่างก็ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ มีการสร้างบ้านเรือนอยู่อาศัยกันตามปกติ โดยไม่คิดว่ากำลังถูกขับไล่ให้ออกไปจากที่ดิน เนื่องจากพวกตนมีเอกสารการเสียภาษี บท.5 มายาวนานหลายปี และทางสำนักงานที่ดินก็กำลังจะออกเอกสารสิทธิให้ในเร็วๆ นี้
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความตกใจและหวาดวิตกให้กับพวกตนเป็นอย่างมาก แต่สุดท้ายกลับต้องพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นธรรม อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ มาแสดงว่าเป็นที่ดินของเขาเองแม้แต่น้อย ดังนั้น พวกตนจึงอยากวอนขอความเป็นธรรม หรือหน่วยงานใดก็ตามที่มีอำนาจ หรือสามารถช่วยเหลือพวกตนได้ ขอให้ลงพื้นที่มาช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วย ก่อนที่พวกตนอาจจะต้องคิดทำอะไรสักอย่าง เพื่อรักษาที่ดินของบรรพบุรุษ และอาศัยทำกินแปลงนี้เอาไว้ให้ได้
นายประดิษฐ์ สุขเสน กำนันตำบลวังมะปรางเหนือ กล่าวว่า แม้ตนจะเป็นลูกหลานที่มีนามสกุลเดียวกันกับบรรดาผู้เสียหาย ซึ่งหลายคนอาจมองว่า เข้าข้างกัน แต่ตนยืนยันว่า เรื่องราวที่ชาวบ้านกลุ่มนี้ได้ต่อสู้มานั้นเป็นเรื่องจริงทุกประการ เพราะเคยขอเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกันกับคู่กรณี แต่กลับไม่ได้รับการยินยอมใดๆ และตนก็สงสัยว่า ชาวบ้านเขาแพ้คดีได้อย่างไร ทั้งที่ฝ่ายตรงข้ามไม่มีแม้หลักฐานใดๆ ที่จะแสดงให้เชื่อได้ว่าเป็นเจ้าของที่ดินผืนดังกล่าวนี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่กลุ่มชาวบ้านเข้าแจ้งความเพื่อขอความเป็นธรรมแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังวิเศษ ได้แนะนำให้ตัวแทนไปติดต่อที่สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จังหวัดตรัง เพื่อขอให้มีการตรวจสอบรังวัดสิทธิการถือครองที่ดินแปลงนี้อีกครั้ง