xs
xsm
sm
md
lg

เหยื่อร้านขายเสื้อผ้าที่ถูกข่มขู่ระบุสัสดีออกให้สัมภาษณ์สื่อไม่เป็นความจริง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ยะลา - ร้านขายเสื้อผ้าเหยื่อถูกข่มขู่เปิดร้านขายตามปกติ ระบุ “สัสดี” ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อไม่เป็นความจริง พูดกลับกลอกไปมา ยืนยันจะแจ้งความข้อหาข่มขู่

วันนี้ (19 ก.ค.) จากกรณีที่มีเหตุการณ์คลิปสัสดียะลา พูดจาข่มขู่หญิงสาวร้านขายเสื้อผ้ากลางเมืองยะลา จนตกเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ และทาง พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน สัสดีจังหวัดยะลา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการสื่อช่องหนึ่งเพื่อชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่ได้ถูกคำสั่งย้าย จาก พล.ท.วิวรรธ์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาค 4 ให้ไปช่วยราชการที่กองทัพภาค 4 จ.นครศรีธรรมราช พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีมีคำพูดข่มขู่ภายในคลิปวิดีโอที่ผู้เสียหายได้โพสต์ลงในสื่อสังคมออนไลน์

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ไปสังเกตการณ์ที่ร้านขายเสื้อผ้าที่เกิดเหตุ บริเวณถนนจงรักษ์ เขตเทศบาลนครยะลา ทาง น.ส.โสภิดา สุดสงวน เจ้าของร้าน พร้อมด้วย ส.ต.ท.สราวุฒิ ลักษณาวิบูลย์กูล เจ้าของร้าน และ น.ส.ดาริกา รอดระกำ น้องสาว ก็ได้มาเปิดร้านขายเสื้อผ้าที่เซ็นเตอร์พอยต์ ตามปกติ

โดยทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้เสียหายทั้ง 3 คน ว่า หลังจากที่ พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน สัสดีคู่กรณีได้ออกมาให้สัมภาษณ์โต้แย้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ไม่เป็นความจริงตามที่ผู้เสียหายได้ไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก และให้สัมภาษณ์ต่อสื่อโดย พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน ยังบอกอีกว่า ไม่มีการข่มขู่ เพียงแต่เป็นการพูดปรามไว้เนื่องจากตนเองกำลังจะโดนทำร้าย อีกทั้งไม่เคยพูดว่าจะฝากหญิงสาวให้เป็นทหาร พร้อมทั้งยืนยันว่า ผู้เสียหายทั้ง 3 คน รวมถึงสื่อมวลชนต้องไปขอโทษตนเองเนื่องจากทำให้เสียชื่อเสียง และเสื่อมเสียไปถึงกองทัพ

ทางผู้เสียหายทั้ง 3 คน ได้บอกต่อสื่อว่า ได้ชมการให้สัมภาษณ์ของ พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน แล้ว และขอยืนยันว่าที่ตนเองให้ข้อมูลสัมภาษณ์ต่อสื่อนั้นเป็นความจริงทุกประการ ไม่มีการตัดต่อคลิปเหตุการณ์ก่อนจะโพสต์ลงสื่อออนไลน์

น.ส.ดาริกา รอดระกำ หญิงสาวคนที่ พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน อ้างว่าเป็นผู้ที่มาสอบถามว่าจะซื้อเสื้อผ้าไหม ได้บอกว่า ตนเองเป็นแม่ค้าเมื่อเห็น พ.อ.ขจรเดช มาเดินวนเวียนอยู่หน้าร้านหลายรอบก็ออกไปดู และสอบถามว่าจะซื้อเสื้อผ้าหรือคะ แต่ทาง พ.อ.ขจรเดช บอกว่า ไม่ซื้อเพราะไม่รู้จะซื้อไปให้ใคร ตนเองตัวคนเดียว น.ส.ดาริกา ก็บอกอีกว่า ก็ซื้อไปให้แฟน หรือภรรยา แต่ พ.อ.ขจรเดช ก็ยืนยันว่าตนเองไม่มีแฟน อยู่ตัวคนเดียว และได้เริ่มการพูดคุย จากนั้นก็ชักชวนให้ไปเป็นทหาร โดยบอกว่าจะดำเนินการฝากให้ ซึ่ง น.ส.ดาริกา เองยืนยันว่า พ.อ.ขจรเดช พูดอย่างนี้จริงๆ บอกว่าจะฝากให้ภายใน 2 วันได้เลย 

จากนั้นก็แนะนำให้ดูเฟซบุ๊กของตนเองว่ามีเพื่อนเยอะแยะ ดูว่าตนเองเป็นใครทำงานอะไร จนพี่สาว คือ น.ส.โสภิดา สุดสงวน ที่นับถือกันเป็นพี่เป็นน้องเพราะอยู่กันมานานก็ออกมาดูด้วยความเป็นห่วง และได้พูดไปว่าจะมาจีบน้องสาวตนเองหรืออย่างไร แต่ พ.อ.ขจรเดช ก็บอกว่าคนอย่างตนไม่ต้องจีบใคร

น.ส.ดาริกา ก็เล่าอีกว่า จนวันที่ 2 คือ วันที่ 15 ก.ค.59 พ.อ.ขจรเดช ซึ่งแต่งตัวเต็มยศก็เดินกลับมาที่ร้านอีก โดยมาสอบถามว่าเมื่อวานพูดอะไรไม่ให้เกียรติตนเอง โดยขณะนั้นพี่สาวคือ น.ส.โสภิดา และ ส.ต.ท.สราวุฒิ ลักษณาวิบูลย์กูล ก็อยู่ที่ร้าน จนเกิดมีปากเสียงกันตามที่เห็นในคลิป ซึ่งมีคำพูดที่ว่า “จะให้ลูกน้องมานำตัวขึ้นรถ แล้วอย่ามาร้องขอชีวิต น้องไม่โดนไม่รู้หรอก” ซึ่งเป็นอย่างที่เห็นในคลิปทั้งหมดไม่ได้มีการตัดต่อแต่อย่างใด

และเมื่อสอบถามไปว่ามีการเรียก พ.อ.ขจรเดช ให้ซื้อเสื้อผ้าจริงหรือไม่ น.ส.ดาริกา บอกว่า วันที่เขามากินข้าวนั้น ร้านข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านขายเสื้อผ้า ซึ่งถ้ากินข้าวเสร็จก็จะเดินขึ้นรถไปอีกจุดหนึ่งที่จอดรถไว้ โดยที่ไม่ผ่านหน้าร้านที่ตนเองอยู่ แต่ พ.อ.ขจรเดช กลับมาเดินวนเวียนอยู่ที่หน้าร้านอยู่หลายรอบทำให้ตนเองต้องถามในฐานะแม่ค้าขายของ

ขณะที่ น.ส.โสภิดา สุดสงวน และ ส.ต.ท.สราวุฒิ ลักษณาวิบูลย์กูล ได้ยืนยันในวันดังกล่าวที่เกิดเหตุนั้นไม่ได้มีการรุมทำร้าย และไม่ได้คิดที่จะรุมทำร้าย อีกทั้งยังไม่ได้ใช้คำพูดจาที่หยาบคาย เพียงแต่มีการพูดจากันเสียงดังจริงว่าตนเองไม่ผิด และไม่ได้พูดโกหก หรือใส่ความแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นการที่จะให้ตนเองไปขอโทษนั้นเป็นไปไม่ได้ และที่ผ่านมา ตนเองทั้ง 3 คนได้ดำเนินการไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองยะลา เพื่อความปลอดภัยไว้ แต่เมื่อ พ.อ.ขจรเดช ออกมาให้สัมภาษณ์แบบนี้โดยไม่พูดความจริง ตนเองก็ได้ปรึกษากันแล้ว และจะไปดำเนินคดีแจ้งความในข้อหาข่มขู่อย่างแน่นอน
 

และเมื่อสอบถามว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ทหาร หรือผู้บังคับบัญชาของกองทัพภาค 4 เข้ามาพูดจา หรือจะเข้ามาดูแลความปลอดภัยให้หรือไม่ ผู้เสียหายก็บอกว่า มีทางเจ้าหน้าที่เข้ามาพูดคุย และสอบปากคำไปแล้วเพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ ซึ่งก็เชื่อว่าคงจะได้รับความเป็นธรรมจากทางเจ้าหน้าที่ห รือกองทัพภาค 4 ที่จะดำเนินการตรวจสอบ และสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา

ขณะเดียวกัน ได้มีการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ “สัสดี” ก็ทราบว่า ตามพจนานุกรมฉบับเฉลิมพระเกียรติ พ.ศ.๒๕๓๐ คำว่า “สัสดี” เป็นคำนาม หมายถึง ผู้รวบรวมบัญชี,บัญชีคน เจ้าหน้าที่บัญชีทหาร งานในหน้าที่สัสดีเป็นงานที่สำคัญของการทหาร ข้าราชการสัสดีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.รับราชการ พ.ศ.๒๔๙๗ และกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง

กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน มีผู้อำนวยการ กองการสัสดี หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ มีหน้าทีตรวจและควบคุมทางวิทยาการในสายงานสัสดี ของกองทัพ อำนวยการกำกับดูแลหน่วย และเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติหน้าที่

ในกิจการสัสดีทั้งปวงพิจารณา และเสนอแนะการดำเนินการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อนข้าราชการซึ่งทำหน้าที่สัสดี อำนวยการในกิจการสัสดีทั้งปวงที่เกี่ยวข้องในเรื่องการเตรียมพล อำนวยการและควบคุมทหารกองเกินและทหารกองหนุน รวบรวมกำหนดความต้องการและควบคุมการส่งกำลังสิ่งอุปกรณ์ แบบพิมพ์สายงานสัสดี บันทึก รายงาน รวบรวมข้อมูล สถิติต่างๆ ตลอดจนเสนอแนะ การประชาสัมพันธ์เพื่อพัฒนากิจการสัสดีให้เหมาะสม ตรวจสอบ โต้ตอบ และชี้แจงปัญหาเกี่ยวกับการรับราชการทหาร ตรวจ ควบคุม กำกับดูแล หน่วยงานสัสดีในการตรวจสอบหลักฐานให้แก่ส่วนราชการต่างๆ และเอกชนที่ร้องขอรับการสนับสนุน

ซึ่งทั้งหมดนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในงานปฏิบัติงานด้านความมั่นคง หรือการควบคุมกำลังพลออกภาคสนามในการสู้รบด้านความมั่นคงอย่างที่ พ.อ.ขจรเดช สมิตะโยธิน ได้โพสต์ข้อมูลในเฟซบุ๊กส่วนตัวแต่อย่างใด
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น