xs
xsm
sm
md
lg

กาง “โครงสร้างใหม่” ขบวนการบีอาร์เอ็น..สิ่งที่ทุกหน่วยต้องรู้เพื่อเอกภาพดับไฟใต้ / ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แผนผังโครงสรา้งใหม่ขบวนการบีอาร์เอ็น
 
คอลัมน์  :  จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์  มณีพิลึก
--------------------------------------------------------------------------------
 
หลังเดือนรอมฎอนสถานการณ์การก่อการร้ายของ “แนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน” ลดความรุนแรงลง จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่มีโอกาสหายใจหายคอและหายเครียดไปบ้าง เช่นเดียวกับในส่วนของคนในพื้นที่ก็คงจะคลายความระมัดระวังป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่รู้ล่วงหน้า ซึ่งต่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอนที่ผ่านมา
 
แต่ทุกฝ่ายก็อย่าดีใจกับสถานการณ์ที่จำนวนเหตุการณ์ลดน้อยลง เพราะนั่นไม่ได้เกิดจาก “ฝีมือ ของเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเดียว แต่เกิดจาก “แนวร่วมในพื้นที่หยุดการก่อเหตุ ด้วยเหตุผลของขบวนการ หรือด้วยคำสั่งของ “แกนนำ ทั้งในพื้นที่ และนอกพื้นที่ก็ตาม
 
สิ่งสำคัญคือ เราไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่า แกนนำผู้สั่งการของขบวนการแบ่งแยกดินแดนทั้ง 3 กลุ่มมีแผนการอย่างไร และจะก่อเหตุร้ายเมื่อไหร่ และเป้าหมายของการก่อเหตุอยู่ตรงไหนของพื้นที่ชายแดนใต้
 
เพราะที่ผ่านมา แม้ “การข่าว ของ กอ.รมน.ภาค 4 จะดีขึ้น แต่ก็ยัง “ไม่ลึกขนาดที่จะรู้ “พิกัด ของเป้าหมายในการก่อเหตุ เพียงแต่การข่าวที่ดีขึ้นคือ รู้ว่าจะเข้าถึงที่หลบซ่อนของแนวร่วม และที่ซุกซ่อนอาวุธ และอุปกรณ์ในการก่อเหตุร้ายได้ที่ไหน
 
แต่เรื่องรถยนต์ที่แจ้งหาย และเกรงว่าจะถูกนำไปประกอบเป็น “คาร์บอมบ์” ถูกนำไปซ่อนอยู่ที่ไหน บ้านใคร หรืออู่ซ่อมรถตรงไหน หลายปีที่ผ่านมาการข่าวยังไม่สามารถลงลึกจนตรวจยึดได้ก่อน
 
เมื่อยัง “ไม่รู้เขา เพียงแต่ “รู้เรา เท่านั้น สถานการณ์ในพื้นที่แม้จะดูเงียบๆ ไปบ้าง แต่ก็ไม่น่าไว้วางใจ เพราะยังไม่มีใครตอบได้ว่าถ้า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ลดกำลังที่ใช้ปฏิบัติการในพื้นที่ให้น้อยลง สถานการณ์จะรุนแรงขึ้นหรือไม่
 
รวมทั้งการที่ “คณะพูดคุยสันติสุข ซึ่งได้มีการสานต่อนโยบายการพูดคุยกับ “กลุ่มมาราปาตานี อย่างเป็น “รูปแบบ อีกครั้งในเร็วๆ นี้ หลังจากที่มีการส่งรายละเอียดของการพูดคุยรอบต่อไป ไปยัง ดาโต๊ะอาหมัด ซัมซามิน ฮาชิม ผู้อำนวยความสะดวกในการพูดคุยที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลมาเลเซียแล้ว กลุ่มก่อกวนในพื้นที่ที่พยายามขัดขวางการพูดคุยจะมีการก่อเหตุร้ายให้รุนแรงขึ้นอีกหรือไม่
 
เพราะในส่วนของ “แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมาลายูปัตตานี” หรือ “บีอาร์เอ็น” เองในขณะที่ให้กลุ่มมาราปาตานี ซึ่งส่วนใหญ่เป็น “ปีกการเมือง” เปิดโต๊ะพูดคุยเพื่อหาทางออกจากความขัดแย้ง และความรุนแรง แต่ใน “ปีกการทหาร” ของบีอาร์เอ็นยังเดินหน้าในการทำ “สงครามประชาชน” อย่างเต็มรูปแบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
 
ดังจะเห็นได้ว่าล่าสุด บีอาร์เอ็นได้ทำการ “ปรับโครงสร้าง” เพื่อใช้ปฏิบัติกาการก่อการร้ายใหม่ในพื้นที่ของ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำสงครามประชาชนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ
 
เชื่อว่าเหตุผลที่บีอาร์เอ็นทำการปรับโครงสร้างใหม่ในครั้งนี้ เนื่องจากโครงสร้างเก่า หรือ “โครงสร้างบันได 7 ขั้น” ที่ใช้ในการปฏิวัติมาตั้งแต่ปี 2536 เป็นต้นมานั้น เจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เข้าถึงโครงสร้างในการปฏิบัติการได้แล้ว รวมทั้งเข้าถึงตัวบุคคลที่เป็น “ผู้นำ ตั้งแต่ระดับจังหวัด จนถึงระดับหมู่บ้าน จนทำให้บีอาร์เอ็นไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ
 
ที่สำคัญโครงสร้างของบีอาร์เอ็นเป็นโครงสร้างที่ “ปิดลับไม่มีการเปิดเผย ปฏิบัติการความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะมีการ “ปฏิเสธ” ว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ  เช่นเดียวกับปฏิบัติการยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นการโจมตีเป้าหมายที่เป็น “พลเรือน ที่บีอาร์เอ็นจะไม่ยอมรับ แต่ถ้าเป็นการโจมตีทหาร หรือตำรวจแล้ว บีอาร์เอ็นแม้จะไม่รับ แต่ก็ไม่ออกมาปฏิเสธเมื่อถูกกล่าวหา
 
ถ้าดูภาพตาม “แผนผัง” จะเห็นว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือ เปลี่ยนจาก “ผู้นำศาสนา” ไปเป็น “ผู้นำทางจิตวิญญาณ” แทน ซึ่งการเปลี่ยนปลงจากคำว่า “ศาสนา” มาเป็น “จิตวิญญาณ” มีนัยที่สำคัญมาก เพราะต้องการที่จะหลีกเลี่ยงความขัดแย้งในเรื่องของศาสนาที่เกิดขึ้น และอาจจะไม่ต้องการให้ผู้นำทางศาสนากลายเป็นเป้าหมายของหน่วยงานความมั่นคง
 
รวมทั้งจะพบว่ามีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างจาก “ส่วนหัว” ที่มีฐานที่มั่นอยู่ต่างประเทศ หรือที่เรียกว่า “สภาองค์กรนำ” โดยมีการปรับปรุงให้มี “คณะผู้บริหารกลาง” อีกทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ก็มีการปรับเปลี่ยนให้มีความละเอียด รัดกุม และถี่ยิบมากขึ้น
 
แม้แต่การเรียกขานหน่วยงาน กลุ่มบุคคล และตัวบุคคลในองค์กรตามโครงสร้างใหม่ต่างไปจากเดิม ซึ่งเชื่อว่าบีอาร์เอ็นจะกลับไปสู่การเป็น “องค์กรลับ” อีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากบีอาร์เอ็นเองก็มีการสรุปบทเรียนได้เหมือนกันว่า การออกมายอมรับ “ความมีอยู่จริง” และ “เป็นผู้สั่งการ ให้มีการก่อการร้ายไม่ได้เป็นผลดีต่อขบวนการ
 
สู้ให้ประชาชนที่ไม่ใช่ “มวลชน ของขบวนการเข้าใจผิดในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยการ “ป้ายสีโดยการ “สร้างข่าวหรือโดยการ “สร้างสถานการณ์” ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ สิ่งนี้จะเป็นผลดีต่อบีอาร์เอ็นมากกว่า
 
การหยิบเอาประเด็น “โครงสร้างใหม่” ของแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือบีอาร์เอ็นมาพุดถึง ไม่ได้ต้องการให้ความสำคัญของบีอาร์เอ็น
 
แต่ต้องการให้ “หน่วยงานในพื้นที่” ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งในระยะต่อไปสถานการณ์ในพื้นที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง หากทุกฝ่าย หรือทุกหน่วยงานในพื้นที่มี “ชุดความจริง” ที่เป็นชุดเดียวกัน หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกัน เชื่อว่าจะดีกว่าต่างหน่วย หรือต่างองค์กรมีชุดความจริงที่เป็นคนละชุด  ซึ่งน่าจะไม่เป็นผลดีในการที่จะร่วมกันดับไฟใต้
 
เพราะปรากฏการณ์ “นอนเตียงเดียวกัน แต่ฝันคนละเรื่อง” ที่ผ่านมาในการดับไฟใต้ นอกจากจะเป็น “ตัวถ่วง” ให้ไฟใต้ไม่มอดดับไปได้แล้ว ยังเป็นการเดินเข้า “ร่องทาง” ของบีอาร์เอ็น และสิ่งที่สำคัญในการต่อสู้กับ “องค์กรลับ” นี้คือ การ “เปิดเผย” ทุกอย่างที่ถูก “ปิดลับ” ให้ประชาชนได้รับรู้ เพราะนั่นคือ เส้นทางของการไปสู่ความสำเร็จของการดับไฟใต้อีกแนวทางหนึ่ง
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น