ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ภูเก็ต สนธิกำลังป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ทหาร 200 นาย พร้อมเครื่องจักรเข้ารื้อสวนปาล์ม ยางพารา และบ้านพัก เนื้อที่กว่า 48 ไร่ ก่อสร้าง ปลูกผลอาสินรุกสวนป่าบางขนุน หลังแจ้งให้ผู้บุกรุกรื้อถอนแต่ไม่ดำเนินการเตรียมพื้นฟูเป็นผืนป่าถาวร

วันนี้ (14 ก.ค.) ที่สวนป่าบางขนุน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายบุญสืบ สมัครราช ผอ.สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 กระบี่ นาวาเอกสถาพร วาจะรัตน์ รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต นายเกษม สุขวารี ผู้อำนวยการทัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนนายอำเภอถลาง นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองประมาณ 200 นาย และรถแบ็กโฮ 2 คัน เข้ารื้อถอนต้นยางพารา ปาล์มน้ำมัน และบ้านพัก จำนวน 6 หลัง ที่มีชาวบ้าน และนายทุนบุกรุกเข้าไปปลูกพืชผลอาสินในเขตสวนป่าบางขนุน รวมเนื้อที่กว่า 48 ไร่ 3 งาน

โดยการเข้ารื้อถอนในครั้งนี้ไม่มีการขัดขวางจากกลุ่มชาวบ้าน และนายทุนแต่อย่างใดเพราะพื้นที่ดังกล่าวก่อนหน้านี้ได้มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าทำการจับกุม และคดีถึงที่สิ้นสุดแล้วว่าเป็นการบุกรุกจริง เจ้าหน้าที่จึงเร่งเข้ารื้อถอนเพื่อปรับพื้นที่ให้กลับมาคืนสู่สภาพเป็นป่าสมบูรณ์ดังเดิม นอกจากนี้ ยังมีที่ดินอีก 100 กว่าไร่ ที่ชาวบ้าน และนายทุนรุกสวนป่าบางขนุนเข้าไปปลูกพืชผลอาสินซึ่งคดียังอยู่ในชั้นศาล

นายบุญสืบ สมัครราช ผอ.สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 กระบี่ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่จะดำเนินการในวันนี้เป็นพื้นที่ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก.1 (ถลาง) ร่วมกับสวนป่าบางขนุน ได้ตรวจยึดจับกุม และแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่สถานีตำรวจภูธรถลางเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2559 และได้จัดทำแผนสนธิกำลังดำเนินการตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 โดยได้ประมวลเรื่องเสนอนายอำเภอถลางในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน จังหวัดภูเก็ต เพื่อพิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 และประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ หรือถอนสิ่งปลูกสร้างผลอาสิน ประกอบด้วย ยางพารา ปาล์มน้ำมันออกจากพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุนให้เป็นไปตามระเบียบและข้อกฎหมายโดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างสมบูรณ์

ทั้งการปิดประกาสได้แจ้งให้ผู้กระทำผิดทราบ และดำเนินการตามคำสั่งประกาศเจ้าหน้าที่ตามหนังสือที่ภูเก็ต 021 18.1/1199 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2559 และได้ติดประกาศให้ผู้กระทำผิดทราบตามสถานที่ กำหนดวันที่ 1 พฤษภาคม 2559 ปรากฏว่า ผู้กระทำผิดก็ยังฝ่าฝืนคำสั่งไม่ดำเนินการ หรือถอนสิ่งปลูกสร้างพืชผลอาสินให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แต่อย่างใด จึงได้ดำเนินการแจ้งเตือนผู้กระทำผิดเป็นครั้งที่สอง ตามหนังสือที่ว่าการอำเภอถลาง ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 ครบกำหนดวันที่ 1 มิถุนายน 2559 ปรากฏว่า ผู้กระทำผิดก็ยังฝ่าฝืนคำสั่งไม่ดำเนินการหรือถอนสิ่งปลูกสร้างผลอาสินได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แต่อย่างใด จากนั้นนายอำเภอถลาง ได้แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการยึดทำลายหรือถอนผลอาสินสิ่งก่อสร้างที่ได้ปลูกไว้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน ตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน จังหวัดภูเก็ตที่ 128/2559 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 เพื่อเตรียมดำเนินการหรือถอนกรณีผู้กระทำผิดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมรักษาป่าสงวนแห่งชาติ

ซึ่งสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้กระทำผิดยังฝ่าฝืนคำสั่งไม่ดำเนินการหรือถอนผลอาสินสิ่งปลูกสร้างให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แต่อย่างใด จึงได้มอบหมายให้หัวหน้าสวนป่าบางขนุน ประสานนายอำเภอถลาง และเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งฯ เพื่อดำเนินการหรือถอนพืชผลอาสินสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งดังกล่าวโดยได้กำหนดดำเนินการในวันนี้(14 ก.ค.59) โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 200 นาย สนธิกำลังเข้าดำเนินการรื้อถอนพืชผลอาสินสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ และหลังจากทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่จะได้เสนอกรมป่าไม้เพื่อพิจารณาปลุกฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับคืนสู่สภาพดังเดิม

ด้าน นายโชคดี อมรวัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การดำเนินการตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 เป็นการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติแห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ที่กำหนดไว้ และเป็นไปตามนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นโยบายที่ 9 การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรและการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนได้ให้ความสำคัญต่อการเร่งป้องกันและฟื้นฟูพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ตามนโยบายของกรมป่าไม้ที่จะเป็นการป้องปราม และสามารถรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้การบุกรุกที่ดินของรัฐ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2557 สวนป่าบางขนุน เป็นที่ดินของรัฐที่ได้ประกาศเป็นสวนป่าแห่งชาติเป็นสถานที่ตั้งของส่วนราชการ และหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงาน ลักษณะเป็นป่าที่ปลูกขึ้นเองโดยใช้งบประมาณของแผ่นดิน ผสมกับพันธุ์ไม้ธรรมชาติเป็นพื้นป่าที่อยู่ในเมืองผืนสุดท้ายของจังหวัดภูเก็ต สภาพป่าบางส่วนยังมีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด มีหลายหน่วยงาน และประชาชนได้เข้ามาใช้ประโยชน์พื้นที่ในการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การปลูกป่า การเข้าค่ายเยาวชนอาสาพิทักษ์ป่าบางขนุน จึงถือได้ว่าป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุนเป็นศูนย์รวมกิจกรรมต่างๆ ของภาครัฐ และภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต

แต่เนื่องจากป่าบางขนุนมีปัญหาด้านการบุกรุกทำลายป่า และมีการเข้าครอบครองพื้นที่มายาวนาน กรมป่าไม้ และจังหวัดภูเก็ตได้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอดแต่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เพียงบางส่วน เนื่องจากมีปัญหามีความซับซ้อนการดำเนินการตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ในวันนี้ ถือได้ว่าเป็นมาตรการหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกถือครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าขนุน และเป็นไปตามนโยบายในการทวงคืนผืนป่าของรัฐบาล

วันนี้ (14 ก.ค.) ที่สวนป่าบางขนุน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายบุญสืบ สมัครราช ผอ.สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 กระบี่ นาวาเอกสถาพร วาจะรัตน์ รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต นายเกษม สุขวารี ผู้อำนวยการทัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต ตัวแทนนายอำเภอถลาง นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองประมาณ 200 นาย และรถแบ็กโฮ 2 คัน เข้ารื้อถอนต้นยางพารา ปาล์มน้ำมัน และบ้านพัก จำนวน 6 หลัง ที่มีชาวบ้าน และนายทุนบุกรุกเข้าไปปลูกพืชผลอาสินในเขตสวนป่าบางขนุน รวมเนื้อที่กว่า 48 ไร่ 3 งาน
โดยการเข้ารื้อถอนในครั้งนี้ไม่มีการขัดขวางจากกลุ่มชาวบ้าน และนายทุนแต่อย่างใดเพราะพื้นที่ดังกล่าวก่อนหน้านี้ได้มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าทำการจับกุม และคดีถึงที่สิ้นสุดแล้วว่าเป็นการบุกรุกจริง เจ้าหน้าที่จึงเร่งเข้ารื้อถอนเพื่อปรับพื้นที่ให้กลับมาคืนสู่สภาพเป็นป่าสมบูรณ์ดังเดิม นอกจากนี้ ยังมีที่ดินอีก 100 กว่าไร่ ที่ชาวบ้าน และนายทุนรุกสวนป่าบางขนุนเข้าไปปลูกพืชผลอาสินซึ่งคดียังอยู่ในชั้นศาล
นายบุญสืบ สมัครราช ผอ.สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 กระบี่ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ที่จะดำเนินการในวันนี้เป็นพื้นที่ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ภก.1 (ถลาง) ร่วมกับสวนป่าบางขนุน ได้ตรวจยึดจับกุม และแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่สถานีตำรวจภูธรถลางเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2559 และได้จัดทำแผนสนธิกำลังดำเนินการตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 โดยได้ประมวลเรื่องเสนอนายอำเภอถลางในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน จังหวัดภูเก็ต เพื่อพิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 และประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ หรือถอนสิ่งปลูกสร้างผลอาสิน ประกอบด้วย ยางพารา ปาล์มน้ำมันออกจากพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุนให้เป็นไปตามระเบียบและข้อกฎหมายโดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างสมบูรณ์
ทั้งการปิดประกาสได้แจ้งให้ผู้กระทำผิดทราบ และดำเนินการตามคำสั่งประกาศเจ้าหน้าที่ตามหนังสือที่ภูเก็ต 021 18.1/1199 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2559 และได้ติดประกาศให้ผู้กระทำผิดทราบตามสถานที่ กำหนดวันที่ 1 พฤษภาคม 2559 ปรากฏว่า ผู้กระทำผิดก็ยังฝ่าฝืนคำสั่งไม่ดำเนินการ หรือถอนสิ่งปลูกสร้างพืชผลอาสินให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แต่อย่างใด จึงได้ดำเนินการแจ้งเตือนผู้กระทำผิดเป็นครั้งที่สอง ตามหนังสือที่ว่าการอำเภอถลาง ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 ครบกำหนดวันที่ 1 มิถุนายน 2559 ปรากฏว่า ผู้กระทำผิดก็ยังฝ่าฝืนคำสั่งไม่ดำเนินการหรือถอนสิ่งปลูกสร้างผลอาสินได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แต่อย่างใด จากนั้นนายอำเภอถลาง ได้แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการยึดทำลายหรือถอนผลอาสินสิ่งก่อสร้างที่ได้ปลูกไว้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน ตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน จังหวัดภูเก็ตที่ 128/2559 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2559 เพื่อเตรียมดำเนินการหรือถอนกรณีผู้กระทำผิดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมรักษาป่าสงวนแห่งชาติ
ซึ่งสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าผู้กระทำผิดยังฝ่าฝืนคำสั่งไม่ดำเนินการหรือถอนผลอาสินสิ่งปลูกสร้างให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แต่อย่างใด จึงได้มอบหมายให้หัวหน้าสวนป่าบางขนุน ประสานนายอำเภอถลาง และเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งฯ เพื่อดำเนินการหรือถอนพืชผลอาสินสิ่งปลูกสร้างตามคำสั่งดังกล่าวโดยได้กำหนดดำเนินการในวันนี้(14 ก.ค.59) โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 200 นาย สนธิกำลังเข้าดำเนินการรื้อถอนพืชผลอาสินสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ และหลังจากทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่จะได้เสนอกรมป่าไม้เพื่อพิจารณาปลุกฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับคืนสู่สภาพดังเดิม
ด้าน นายโชคดี อมรวัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การดำเนินการตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 เป็นการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติแห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ที่กำหนดไว้ และเป็นไปตามนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นโยบายที่ 9 การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากรและการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนได้ให้ความสำคัญต่อการเร่งป้องกันและฟื้นฟูพื้นที่อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ตามนโยบายของกรมป่าไม้ที่จะเป็นการป้องปราม และสามารถรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามแผนแม่บทการแก้ไขปัญหาการทำลายทรัพยากรป่าไม้การบุกรุกที่ดินของรัฐ และการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2557 สวนป่าบางขนุน เป็นที่ดินของรัฐที่ได้ประกาศเป็นสวนป่าแห่งชาติเป็นสถานที่ตั้งของส่วนราชการ และหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงาน ลักษณะเป็นป่าที่ปลูกขึ้นเองโดยใช้งบประมาณของแผ่นดิน ผสมกับพันธุ์ไม้ธรรมชาติเป็นพื้นป่าที่อยู่ในเมืองผืนสุดท้ายของจังหวัดภูเก็ต สภาพป่าบางส่วนยังมีความอุดมสมบูรณ์ และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด มีหลายหน่วยงาน และประชาชนได้เข้ามาใช้ประโยชน์พื้นที่ในการจัดกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การปลูกป่า การเข้าค่ายเยาวชนอาสาพิทักษ์ป่าบางขนุน จึงถือได้ว่าป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุนเป็นศูนย์รวมกิจกรรมต่างๆ ของภาครัฐ และภาคเอกชนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
แต่เนื่องจากป่าบางขนุนมีปัญหาด้านการบุกรุกทำลายป่า และมีการเข้าครอบครองพื้นที่มายาวนาน กรมป่าไม้ และจังหวัดภูเก็ตได้แก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอดแต่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้เพียงบางส่วน เนื่องจากมีปัญหามีความซับซ้อนการดำเนินการตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ในวันนี้ ถือได้ว่าเป็นมาตรการหนึ่งในการแก้ไขปัญหาการบุกรุกถือครองพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าขนุน และเป็นไปตามนโยบายในการทวงคืนผืนป่าของรัฐบาล