นครศรีธรรมราช - ตำรวจชุดทำคดีค้ามนุษย์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช และล่ามแปลภาษาของชาวโรฮีนจา กังวลในคดีหลังจากที่ชาวโรฮีนจาที่อยู่ในฐานะผู้เสียหายทยอยกลับคำให้การในชั้นศาล ซึ่งน่าเชื่อว่ามีมูลเหตุมาจากการแทรกแซงของขบวนการค้ามนุษย์ในระหว่างที่ถูกกักบริเวณ
วันนี้ (8 ก.ค.) นายโซฟี มูฮัมหมัด ล่ามแปลภาษาที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงยุติธรรม ที่พนักงานสอบสวนในคดีค้ามนุษย์ใช้เป็นล่ามแปลภาษาของชาวโรฮีนจาเกือบ 100 คน กรณีการคุมตัวชาวโรฮีนจาที่ถูกขนย้ายในอำเภอหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2558 หรือกว่า 1 ปีที่ผ่านมา กำลังวิตกกังวลในพฤติการณ์ของชาวโรฮีนจาที่ถือเป็นผู้เสียหาย หลายคนกลับคำให้การในชั้นศาล ซึ่งเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญจากเดิมที่ให้การในชั้นพนักงานสอบสวน ขณะที่ล่ามรายนี้ต้องขึ้นให้การในฐานะพยานศาลในชั้นพิจารณาของศาลด้วย
สำหรับคดีค้ามนุษย์ในภาคใต้นี้ได้มีความเกี่ยวเนื่องในหลายพื้นที่ด้วยกัน ซึ่งมีจุดเริ่มต้นจากกรณีในอำเภอหัวไทร จ.นครศรีธรรมราช จนมีการขยายผลจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์ในจังหวัดระนอง สตูล และสงขลา
นายโซฟี มูฮัมหมัด ยืนยันว่า การให้การในชั้นพนักงานสอบสวนเกิดขึ้นด้วยข้อเท็จจริงทั้งหมด มีการให้การถึงการข่มขู่บังคับ และทำร้ายอย่างไร เนื่องจากเป็นการให้การหลังจากถูกคุมตัวอย่างรวดเร็ว และน่าเชื่อว่าในระหว่างที่ถูกคุมตัวอยู่ในพื้นที่จำกัดของ สภ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ได้มีกลุ่มชาวโรฮีนจา และชาวพม่าเข้ามาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำสิ่งของมาให้ การเข้ามาพูดคุยทำทีเข้ามาเยี่ยมเยียน อาจมีการนัดแนะ และสอนให้เปลี่ยนแปลงคำให้การในชั้นศาล อาจเป็นจุดเปลี่ยนคำให้การที่สำคัญ และเมื่อเข้าสู่ชั้นศาลชาวโรฮีนจาที่อยู่ในฐานะผู้เสียหายได้กลับคำให้การ และกล่าวหาว่าพนักงานสอบสวน รวมทั้งล่ามได้สอนให้มีการให้การต่อพนักงานสอบสวนซึ่งไม่เป็นความจริง
อย่างไรก็ตาม คดีค้ามนุษย์ในส่วนของจังหวัดนครศรีธรรมราช คดีได้เข้าสู่การพิจารณาของศาลจังหวัดปากพนัง โดยมีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับกว่า 60 ราย กระจายอยู่ในจังหวัดระนอง สงขลา และมีการจับกุมได้ราว 50 ราย ยึดทรัพย์ได้กว่า 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือนั้นได้หลบหนีออกนอกประเทศไปหลบอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน