พังงา - ทหารบกที่ 45 ร่วมฝ่ายปกครองอำเภอตะกั่วป่า จ.พังงา รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างโรงแรมหรู ร้านอาหาร รุกพื้นที่สาธารณะชายหาด หลังผ่านระยะผ่อนผันมาแล้วเป็นเวลานานแต่ยังดื้อไม่ยอมทำการรื้อถอน ขณะที่เจ้าของร้านกำลังอยู่ระหว่างยื่นศาลปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่งชั่วคราว
วันนี้ (29 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.อ.เอกวุฒิ คงหาเนตร ผู้แทนจากมณฑลทหารบกที่ 45 สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า พ.ต.อ.สุจินต์ นิลบดี ผกก.สภ.เขาหลัก นายสวัสดิ์ ตันเก่ง นายกเทศมนตรี ต.คึกคัก สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อาสาสมัครฝ่ายปกครองในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่า เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลคึกคัก เข้าดำเนินการ รื้อถอนร้านอาหาร รวมทั้งสิ่งปลูกสร้างโรงแรมหรูในพื้นที่ ม.3 ซึ่งได้มีการปรับภูมิทัศน์ในเขตพื้นที่สาธารณะด้วยการรื้อถอนรั้วต้นไม้ซึ่งถือเป็นสิ่งกีดขวางระหว่างถนนกับที่สาธารณะออก เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ร่วมกันได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการรื้อถอนเจ้าหน้าที่ได้จัดทำทะเบียนสิ่งของ และยึดไปเก็บไว้ที่ สภ.เขาหลัก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเรียกตัวเจ้าของร้านมาดำเนินคดีความผิดฐานบุกรุกที่สาธารณะสมบัติของแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 และมาตรา 108 ทวิ พร้อมทั้ง ฝ่าฝืนประกาศระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาตรา 45 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 และฐานทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์โดยผิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 หลังผ่านระยะผ่อนผันมาแล้วเป็นเวลานานแต่ยังดื้อไม่ยอมทำการรื้อถอน
นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า กล่าวว่า หลังจากที่ชุดเฉพาะกิจได้สนธิกำลังกับหลายหน่วยลงยึดพื้นที่เพื่อทำการจัดระเบียบชายหาดเขาหลัก ซึ่งเป็นการปฏิบัติต่อเนื่องมานาน 2 ปี แต่กลับมีคนบางกลุ่มที่ยังฝ่าฝืนมาโดยตลอด จนทำให้ไม่สามารถจัดระเบียบชายหาดให้เรียบร้อยได้ จนกระทั่งล่าสุด เมื่อวันที่ 2 มิ.ย.59 นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้มีการลงนาม พร้อมทั้งปิดประกาศให้ผู้ที่ปลูกสร้างอาคารร้านค้าอยู่ในที่สาธารณะได้ทำการรื้อถอนตามคำสั่งคณะปฏิวัติ ที่ 44 ให้แล้วเสร็จภายใน 15 วัน ซึ่งพบว่าผู้ประกอบการบริเวณชายหาดในตำบลคึกคักส่วนใหญ่ จาก 89 ราย ได้ทำการรื้อถอนไปเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียง 10 กว่ารายที่ไม่ยอมทำการรื้อถอน ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 6 วัน จึงจะทำการรื้อถอน และส่งดำเนินคดีได้ทั้งหมด
เบื้องต้น การเยียวยานั้นก็อยู่ในช่วงที่ชาวบ้านผู้เดือดร้อนจากการจัดระเบียบต้องทำการรวบรวมรายชื่อเพื่อทำการตรวจสอบ และคัดกรองอีกครั้ง ก่อนจะส่งเรื่องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาดำเนินการหาที่ทำกินใหม่ และจะให้หน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพในการดูแลผู้ที่ผ่านเงื่อนไขความเป็นผู้ยากจนของรัฐต่อไป
ด้าน นางจุฬาลักษณ์ ชูสมบัติ อยู่บ้านเลขที่ 28/3 ม.3 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เผยว่า ครอบครัวตนก็ไม่รู้ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินอะไร แต่เข้าใจว่าที่ดินสาธารณะประชาชนใช้ร่วมกันสามารถเข้ามาทำมาหากินได้ ซึ่งร้านที่ตนทำงานอยู่ก็เปิดอยู่บริเวณดังกล่าวเป็นเวลา 14 ปีแล้ว จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์พิบัติภัยสึนามิ ทำให้ตา และยายได้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากนั้น แม่ของตนจะมาสานต่ออาชีพขายของหน้าหาดซึ่งเป็นอาชีพเดียวที่ครอบครัวทำอยู่ มีหนี้สินมากมาย เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการรื้อถอนร้านค้า ส่งผลตน ครอบครัว รวมทั้งพนักงานหลายสิบชีวิตต้องหยุดงาน หากหมดที่ทำมาหากินที่นี่ก็ไม่รู้จะไปหาบริเวณไหนทำกินกันต่อ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่จัดสรรที่ทำกินใหม่เพื่อที่จะได้มีอาชีพกันต่อไป
โดยก่อนหน้าได้มีการติดป้ายคำสั่งเพียงเล็กๆ จากนั้นจึงมีป้ายประกาศขนาดใหญ่มาติดเพื่อให้ทำการรื้อถอน แต่เจ้าของร้านได้ไปดำเนินการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งการรื้อถอนเป็นการชั่วคราว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างรอคำตัดสิน ตนในฐานะลูกจ้างจึงไม่สามารถที่จะทำการรื้อถอนเองได้ จึงต้องรอให้เจ้าของร้านเดินทางกลับมาก่อน แต่กลับโดนเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้ารื้อถอนเสียก่อน