พังงา - เจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.45 สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองตะกั่วป่า และเทศบาลตำบลคึก นำกำลังกว่า 50 นาย เข้าติดป้ายให้รื้อถอนร้านค้าในเขตสาธารณะติดชายหาด ก่อนจะเริ่มทำการแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่ยังคงฝ่าฝืนในวันที่ 17 มิ.ย.59
วันนี้ (7 มิ.ย.) พ.อ.เอกธวุฒิ คงหาเนตร ตัวแทน มทบ.45 จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นาวาเอกพุทธิพร สวาทสุต รอง ผอ.รมน.จว.พังงา นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า นายสวัสดิ์ ตันเก่ง นายกเทศมนตรีตำบลคึกคัก นายธงชัย หันช่อ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบางม่วง พ.ต.ท.บัณฑิต หัตถพิถีพันธุ์ สวป.สภ.เขาหลัก สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร กำนันผู้ใหญ่บ้าน อส. ชรบ. เจ้าหน้าที่เทศบาลกว่า 50 นาย กระจายกำลังเจ้าหน้าที่ปิดป้ายประกาศ พร้อมแจ้งเพื่อรับทราบ ให้บ้านเรือนร้านค้าที่มีการบุกรุกที่สาธารณะติดชายหาดในเขตตำบลคึกคัก และตำบลบางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา หลังจากที่ คสช.ได้มีคำสั่งให้จัดระเบียบชายหาดขึ้น อำเภอตะกั่วป่า จึงได้เริ่มมีการจัดระเบียบชายหาดมาตั้งแต่ปี 2557 โดยมีการกำหนดเขตผ่อนปรนตามข้อตกลงที่ได้พูดคุยกันไว้เพื่อบรรเทาให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือนร้อนจากการจัดระเบียบชายหาด แต่กลับพบมีกลุ่มผู้ที่ฝ่าฝืนบางกลุ่มไม่ยอมทำตามระเบียบนำที่ดินดังกล่าวไปให้เช่า และขายต่อ รวมถึงร้องศูนย์ดำรงธรรม เพื่อให้มีการคุ้มครอง จึงเป็นเหตุให้การจัดระเบียบชายหาดไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ได้มีการเรียกผู้ประกอบการเข้าชี้แจงอีกครั้งเพื่อให้ทำการรื้อถอน แต่พบว่า ไม่มีผู้ได้ทำการรื้อถอน ก่อนจะเริ่มทำการแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่ยังคงฝ่าฝืนในวันที่ 17 มิ.ย.59 ต่อไป
นายมานิต เพียรทอง เปิดเผยว่า การดำเนินการติดป้ายประกาศเพื่อให้ผู้บุกรุกชายหาดในครั้งนี้เกิดขึ้นโดยถือคำสั่งคณะปฏิวัติ ที่ 44 ให้เข้าติดประกาศให้ผู้ที่บุกรุกที่สาธารณะไม่ว่าจะเป็นร้านค้า เตียง ร่ม ร้านนวด โรงแรม ได้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปภายใน 15 วัน หลังจาก นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ได้ลงนามในคำสั่ง
โดยการดำเนินการในครั้งนี้ได้ดำเนินการเป็นพื้นที่ 2 ตำบล คือ บางม่วง และคึกคัก ทั้งสิ้น 7 หมู่บ้าน โดยมีผู้บุกรุกที่สาธารณะทั้งสิ้น 111 ราย หากผู้ใดที่ไม่มีกำลังในการรื้อถอนก็สามารถแจ้งความจำนงต่อเทศบาลตำบลคึกคัก เพื่อที่จะได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่เข้าช่วยรื้อถอนโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ หากพบว่า ในวันที่ 17 มิ.ย.59 ยังคงมีผู้ฝ่าฝืนไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งยังคงพบมีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะใกล้ชายหาดอยู่อีก ก็จะเข้าแจ้งความเพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป
ด้าน นางโสรยา พนากร ชาวบ้านหมู่ 1 บ้านปากวีป ตำบลคึกคัก เผยว่า ในบริเวณชายหาด ม.1 มีชาวบ้านที่ทำมาหากินอยู่ที่นี้รวม 19 ร้านค้า ซึ่งทุกคนก็มิได้ตั้งใจที่จะบุกรุกที่สาธารณะ แต่เนื่องจากไม่มีที่ทำมาหากิน จึงได้เข้ามาประกอบอาชีพในบริเวณดังกล่าว ส่วนตนเปิดร้านชื่อสบายๆ มีชาวบ้านปากวีปร่วมกันประกอบอาชีพอยู่ 2 ครอบครัว รวม 10 ชีวิตที่ต้องฝากไว้กับร้านนี้ จึงวอนอยากให้ส่วนราชการช่วยดำเนินการอย่างไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการผ่อนผัน หรือเยียวยาด้วยการหาที่ทำมาหากินให้ใหม่ เพื่อให้ตน และชาวบ้านคนอื่นได้สามารถมีที่ทำกินต่อไป
นางสมนึก ครุค ชาวจังหวัดพังงา เผยว่า หลังจากที่สามีที่เป็นชาวต่างชาติของตนได้เสียชีวิตไป ตนในฐานะผู้ที่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ระดับหนึ่ง จึงประกอบกิจการนวดบริการนักท่องเที่ยวบริเวณชายหาดมาโดยตลอด ซึ่งการประกอบอาชีพนวดก็มีรายได้แค่ 300-400 บาทต่อวัน ไหนจะต้องผ่อนหนี้นอกระบบ ค่าเช่าบ้าน เลี้ยงลูก หากโดนไล่ที่ครั้งนี้ก็จะไม่มีที่ทำมาหากิน จึงวอนอยากให้เจ้าหน้าที่รัฐช่วยให้สามารถมีที่ทำกินต่อไปด้วย