ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สองสามีภรรยาเกษตรกรชาวสงขลา หันทำเกษตรแบบผสมผสานตามแนวพระราชดำริของ “ในหลวง” และเป็นเกษตรอินทรีย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ บนเนื้อที่เพียง 1 ไร่ แต่กลับมีรายได้เดือนละ 5-6 หมื่นบาท แม้ต้องใช้เวลาถึง 14 ปี แต่สิ่งที่ได้รับคุ้มค่ากับการรอคอย ซึ่งผลผลิตมีราคาสูงกว่าที่จำหน่ายตามท้องตลาดกว่า 1 เท่าตัว
วันนี้ (27 มิ.ย.) นายคำนึง สร้อยสีมาก อายุ 48 ปี และนางยุพิน สร้อยสีมาก อายุ 48 ปี สามีภรรยาชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 2 บ้านดีหลวง ต.ดีหลวง อ.สทิงพระ จ.สงขลา ซึ่งหันมาประกอบอาชีพทำเกษตรแบบผสมผสาน ตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเป็นเกษตรอินทรีย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อหรือไม่ว่า แม้จะใช้เนื้อที่เพียงแค่ 1 ไร่ แต่สามารถมีรายได้ถึงเดือนละ 5-6 หมื่นบาทเลยทีเดียว
ภายในแปลงเกษตรอินทรีย์ ซึ่งมีเนื้อที่เพียงแค่ 1 ไร่ แต่ถูกเนรมิตให้เป็นสวนผักที่มีพืชผักเกือบครบทุกชนิดที่นิยมบริโภค และตลาดต้องการ ทั้งผักกินใบ และผักสวนครัว รวมทั้งพืชสมุนไพร เช่น ผักคะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง มะเขือ ถั่วฝักยาว แตงกวา ผักขมแดง ผักขมเขียว โหรพา แมงลัก กะเพรา ขิงข่า พริก มะนาว หรือแม้แต่ดอกชมจันทร์ เป็นต้น เรียกว่ามีครบจบภายในสวนเดียว และทุกอย่างเป็นผักปลอดสารพิษ ผ่านการรับรองจากกระทรวงเกษตรฯ ที่ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบทั้งดิน น้ำ และผลผลิต ซึ่งเป็นเกษตรอินทรีย์ปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์
นายคำนึง และนางยุพิน บอกว่า สวนเกษตรอินทรีย์แห่งนี้ได้ช่วยกันลงแรงทำกันเพียง 2 คน ด้วยความอดทน และกว่าจะเป็นเกษตรอินทรีย์ 100 เปอร์เซ็นต์ และให้ผลผลิตเต็มที่ต้องใช้เวลาถึง 14 ปี โดยจะเริ่มเห็นผลชัดเจนในช่วง 7 ปีหลัง เนื่องจากดินจะค่อยๆ ปรับสภาพให้สมบูรณ์ขึ้นและต้นทุนน้อยมากเพราะไม่ใช้สารเคมี ส่วนปุ๋ยก็จะใช้ปุ๋ยหมัก และน้ำหมักชีวภาพเป็นหลัก เรื่องศัตรูพืช ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่จะใช้ตัวห้ำ และตัวเบียน ซึ่งเป็นแมลงที่กินแมลงทุกชนิดมาปล่อยในแปลงผักเพื่อเป็นเพชฌฆาตในการปราบปราม และควบคุมแมลงไม่ให้ทำลายผลผลิต และใช้วิธีสับเปลี่ยนหมุนเวียนปลูกพืชผักในแต่ละแปลงไม่ให้ซ้ำกัน เพื่อตัดวงจรการขยายพันธุ์ของแมลง
นายคำนึง และนางยุพิน กล่าวว่า การทำเกษตรอินทรีย์แม้จะใช้เวลานานกว่าการทำเกษตรปกติ แต่ผลที่ได้รับคุ้มค่ากว่ามาก เพราะราคาพืชผักจากแปลงเกษตรอินทรีย์จะสูงกว่าพืชผักธรรมดาที่ปลูกกันทั่วๆ ไปกว่า 1 เท่าตัว เช่น ผักคะน้า กิโลกรัมละ 100 บาท ผักบุ้ง กิโลกรัมละ 50 บาท ผักกวางตุ้ง กิโลกรัมละ 50 บาท แตงกวา 40 บาท มะเขือยาว 50 บาท และดอกชมจันทร์ 30 ดอก 20 บาท
สำหรับผลผลิตจากสวนแห่งนี้จะส่งขายที่ตลาดเกษตรมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์หาดใหญ่ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น และแต่ละอาทิตย์จะเก็บขายเพียงแค่ 3 วัน ส่วนอีก 4 วันจะดูแลสวน หรือปลูกพืชผักใหม่ๆ และแม้จะมีพื้นที่เพียงแค่ 1 ไร่ แต่มีรายได้จากการเก็บพืชผักขายวันละ 5-6 พันบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 5-6 หมื่นบาทเลยทีเดียว
ที่สำคัญการทำเกษตรอินทรีย์จะทำให้ดิน และสภาพแวดล้อมดีขึ้นเรื่อยๆ และผลผลิตที่ได้ก็จะมีคุณภาพ ต่างจากเกษตรที่ใช้สารเคมีแม้จะเห็นผลได้ระยะสั้น แต่ระยะยาวส่วนใหญ่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น และดินเสื่อมสภาพ ซึ่งต้องพึ่งปุ๋ยเคมี และยาเป็นหลักถึงจะได้ผล
สำหรับสวนเกษตรอินทรีย์แห่งนี้ ปัจจุบันยังกลายเป็นสถานที่ศึกษาดูงานการทำเกษตรแบบผสมผสานของเกษตรกรและหน่วยงานต่างๆ โดยเป้าหมายของ นายคำนึง และนางยุพิน คือต้องการขยายเครือข่ายการทำเกษตรอินทรีย์ไปยังเกษตรกรรายอื่นๆ หรือผู้ที่ต้องการประกอบอาชีพการเกษตร เพราะแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ผลจริงๆ ผู้ที่สนใจการทำเกษตรอินทรีย์แบบ นายคำนึง และนางยุพิน สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 08-7295-3494