กระบี่ - ทึ่ง! อดีตเจ้าของบริษัทรับเหมาติดตั้งระบบไฟฟ้า เคยมีเงินหมุนนับ 10 ล้าน ชีวิตไร้ความสุข ผันตัวเองเป็นเกษตรกร ยึดหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง ส่งผลครอบครัวมีความสุข สมบูรณ์ พร้อมเปิดให้ผู้สนใจเรียนรู้ฟรี
วันนี้ (26 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ นายพิชิต ชูมณี อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 223 บ้านเกาะไทร ม.9 ต.ปกาสัย อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ หลังทราบว่า นายพิชิต ปิดบริษัทรับเหมาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่มีรายได้ดี มีเงินหมุนเวียนนับ 10 ล้านบาท หันมาทำการเกษตรยึดหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง หลังก่อนหน้านี้ แม้จะมีรายได้มาก แต่ชีวิตไม่มีความสุข
นายพิชิต เปิดเผยชีวิตให้ฟัง ว่า เดิมทีเคยเปิดบริษัทรับเหมาเกี่ยวกับไฟฟ้าอยู่ที่ต่างจังหวัดเมื่อหลายปีก่อน แต่หลังจากทำมาได้ระยะหนึ่งก็เกิดความเครียดจนทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย ทั้งที่เคยมีเงินหมุนเวียนภายในบริษัทเป็น 10 ล้าน แต่รู้สึกชีวิตไม่มีความสุข ประกอบกับมีครอบครัวแต่ไม่มีบุตร จึงทำให้มีความรู้สึกว่าครอบครัวไม่สมบูรณ์ ขาดอะไรไปบางอย่าง
จากนั้น ได้ไปปรึกษาหมอ ซึ่งทางหมอบอกว่า สาเหตุที่มีบุตรยากเนื่องจากเกิดความเครียด จึงเริ่มปล่อยวางงานบริษัทฯ และได้หันไปทดลองทำการเกษตร เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู และมีความรู้สึกว่าตัวเองเริ่มชอบ และมีความสุขกับงาน และมีเวลาเป็นส่วนตัวมากขึ้น จึงได้ทิ้งงานบริษัท และพาครอบครัวกลับมาอยู่บ้านปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ดินมรดกตกทอดจากพ่อแม่
พร้อมกับลงมือทำการเกษตรอย่างจริงจัง โดยยึดหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง บนเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ใช้ทำนา จำนวน 5 ไร่ ขุดสระน้ำ 2 ไร่ ที่เหลือก็ใช้ปลูกผลไม้ และปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ โดยเริ่มแรกได้เน้นหนักไปทางเลี้ยงสัตว์ โดยการทำฟาร์มเลี้ยงไก่ และเลี้ยงหมู แต่ปรากฏว่า ยิ่งเลี้ยงก็รู้สึกว่าตัวเองถูกเอาเปรียบ เนื่องจากพันธุ์ไก่ และพันธุ์หมูต้องสั่งจากบริษัทฯ ซึ่งเท่ากับว่าเลี้ยงทำกำไรให้แก่บริษัท จึงได้หยุดเลี้ยง และหันไปปลูกผักกางมุ้ง โดยคิดค้นวิธีใหม่ๆ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต จนประสบความสำเร็จ สามารถเก็บผักขายได้เดือนละกว่า 3 หมื่นบาท หลังจากเวลาลองผิดลองถูกเกือบ 10 ปี
นอกจากนี้ ยังพบว่าภายในครัวเรือนก็ยังคงต้องพึ่งพาก๊าซแอลพีจีจากท้องตลาดในการหุงต้ม ขณะเดียวกัน ราคาก๊าซได้พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องซื้อในราคาถัง 15 กิโลกรัมราคาถังละเกือบ 400 บาท โดยทุก 2 เดือน อย่างน้อยต้องซื้อใช้ 1 ถัง จึงคิดค้นหาวิธีที่จะนำพลังงานที่ไม่ต้องซื้อมาใช้แทนก๊าซแอลพีจี จึงได้ศึกษาเรียนรู้ และไปดูงานตามสถานที่ต่างๆ พร้อมทั้งสอบถามผู้รู้อย่าง อาจารย์ ดร.จิตติ มงคลชัยอรัญญา ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาชุมชนและพลังงานชุมชน และได้แนะนำให้ไปดูงานที่ อ.ควนโดน จ.สตูล
หลังจากนั้น ก็นำความรู้มาประยุกต์ใช้กับความรู้ที่เคยเรียนช่างไฟฟ้ามาปรับใช้ ผลิตบ่อก๊าซชีวภาพขึ้นเพื่อใช้ในครัวเรือน โดยใช้วิธีบ่อหมักก๊าซชีวภาพแบบโดมคงที่ (Fixed Dome)สำหรับการทำก็ไม่ยุ่งยาก ใช้เงินลงทุนครั้งเดียวประมาณ 5,000 บาท หรืออาจจะจ้างทำทั้งหมด ก็ไม่เกิน 10,000 บาท แต่คุ้มค่า โดยการเตรียมพื้นที่ขนาด 2x2 เมตร ขุดบ่อดิน บ่อหมัก และบ่อเติม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.60 เมตร ลึก 1.50 เมตร แล้วนำท่อซีเมนต์วางลงไปในบ่อที่ขุดไว้ พร้อมทำการวางระบบ ต่อท่อพีวีซีไปยังเตาแก๊สที่อยู่ภายในครัว เท่านี้ก็สามารถมีก๊าซโดยไม่ต้องซื้อ
ส่วนกรรมวิธีที่จะทำให้เกิดก๊าซนั้นต้องเริ่มหมักด้วยการเติมมูลสัตว์ประมาณ 30% ของปริมาณถังหมัก ส่วนอีก 70% เป็นน้ำ รอ 3 วัน จากนั้นค่อยๆ เติมเศษอาหารไปทางบ่อเติม ซึ่งเศษอาหารก็คือสิ่งของเหลือใช้ภายในครัวเรือนทุกอย่างใช้ได้หมดไม่ต้องทิ้งให้เป็นขยะ และสามารถเติมทุกอย่างได้ตลอด ไม่ต้องกลัวเต็ม เพราะล้นไปอยู่ที่บ่อล้นซึ่งสามารถตักออกมาเป็นปุ๋ยชีวภาพรถน้ำผักต้นไม้ได้อีก
สำหรับก๊าซภายในบ่อสามารถใช้ได้นานติดต่อกันประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งหากว่าหมดเว้นช่วงก็สามารถกลับมาใช้ได้อีก เพราะภายในบ่อจะเกิดก๊าซอยู่ตลอดเวลา และคุณภาพดีกว่าก๊าซแอลพีจี เนื่องจากไม่มีกลิ่นรบกวน สามารถประหยัดเงินได้หลายบาทในแต่ละปี
ปัจจุบัน ชีวิตมีความสุขมาก ครอบครัวสมบูรณ์ มีลูกชาย 1 คน เรียนอยู่ ม.3 และลูกสาว 1 คน เรียนอยู่ ป.4 และไม่เคยคิดเสียดายที่ได้ทิ้งบริษัทรับเหมา มีเงินหมุนเวียนนับ 10 ล้านบาท ทาทำเกษตรพอเพียงตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง ถึงแม้ว่าจะมีรายได้จากการขายผัก ขายผลไม้ภายในสวนเดือนละประมาณกว่า 3 หมื่นบาท แต่สามารถเลี้ยงครอบครัวให้มีความสุขอย่างแท้จริงได้ และปัจจุบัน ได้ตั้งเป็นกลุ่มรักษ์พลังงานและศูนย์เรียนรู้ชุมชน ต.ปกาสัย โดยเปิดให้กลุ่มคนที่สนใจสามารถเข้ามาศึกษาเรียนรู้ได้ ซึ่งจะถ่ายทอดความรู้ให้ฟรี ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1958-9566
วันนี้ (26 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของ นายพิชิต ชูมณี อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 223 บ้านเกาะไทร ม.9 ต.ปกาสัย อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ หลังทราบว่า นายพิชิต ปิดบริษัทรับเหมาเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าที่มีรายได้ดี มีเงินหมุนเวียนนับ 10 ล้านบาท หันมาทำการเกษตรยึดหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง หลังก่อนหน้านี้ แม้จะมีรายได้มาก แต่ชีวิตไม่มีความสุข
นายพิชิต เปิดเผยชีวิตให้ฟัง ว่า เดิมทีเคยเปิดบริษัทรับเหมาเกี่ยวกับไฟฟ้าอยู่ที่ต่างจังหวัดเมื่อหลายปีก่อน แต่หลังจากทำมาได้ระยะหนึ่งก็เกิดความเครียดจนทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย ทั้งที่เคยมีเงินหมุนเวียนภายในบริษัทเป็น 10 ล้าน แต่รู้สึกชีวิตไม่มีความสุข ประกอบกับมีครอบครัวแต่ไม่มีบุตร จึงทำให้มีความรู้สึกว่าครอบครัวไม่สมบูรณ์ ขาดอะไรไปบางอย่าง
จากนั้น ได้ไปปรึกษาหมอ ซึ่งทางหมอบอกว่า สาเหตุที่มีบุตรยากเนื่องจากเกิดความเครียด จึงเริ่มปล่อยวางงานบริษัทฯ และได้หันไปทดลองทำการเกษตร เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู และมีความรู้สึกว่าตัวเองเริ่มชอบ และมีความสุขกับงาน และมีเวลาเป็นส่วนตัวมากขึ้น จึงได้ทิ้งงานบริษัท และพาครอบครัวกลับมาอยู่บ้านปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ดินมรดกตกทอดจากพ่อแม่
พร้อมกับลงมือทำการเกษตรอย่างจริงจัง โดยยึดหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง บนเนื้อที่ประมาณ 12 ไร่ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ใช้ทำนา จำนวน 5 ไร่ ขุดสระน้ำ 2 ไร่ ที่เหลือก็ใช้ปลูกผลไม้ และปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ โดยเริ่มแรกได้เน้นหนักไปทางเลี้ยงสัตว์ โดยการทำฟาร์มเลี้ยงไก่ และเลี้ยงหมู แต่ปรากฏว่า ยิ่งเลี้ยงก็รู้สึกว่าตัวเองถูกเอาเปรียบ เนื่องจากพันธุ์ไก่ และพันธุ์หมูต้องสั่งจากบริษัทฯ ซึ่งเท่ากับว่าเลี้ยงทำกำไรให้แก่บริษัท จึงได้หยุดเลี้ยง และหันไปปลูกผักกางมุ้ง โดยคิดค้นวิธีใหม่ๆ เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต จนประสบความสำเร็จ สามารถเก็บผักขายได้เดือนละกว่า 3 หมื่นบาท หลังจากเวลาลองผิดลองถูกเกือบ 10 ปี
นอกจากนี้ ยังพบว่าภายในครัวเรือนก็ยังคงต้องพึ่งพาก๊าซแอลพีจีจากท้องตลาดในการหุงต้ม ขณะเดียวกัน ราคาก๊าซได้พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องซื้อในราคาถัง 15 กิโลกรัมราคาถังละเกือบ 400 บาท โดยทุก 2 เดือน อย่างน้อยต้องซื้อใช้ 1 ถัง จึงคิดค้นหาวิธีที่จะนำพลังงานที่ไม่ต้องซื้อมาใช้แทนก๊าซแอลพีจี จึงได้ศึกษาเรียนรู้ และไปดูงานตามสถานที่ต่างๆ พร้อมทั้งสอบถามผู้รู้อย่าง อาจารย์ ดร.จิตติ มงคลชัยอรัญญา ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการพัฒนาชุมชนและพลังงานชุมชน และได้แนะนำให้ไปดูงานที่ อ.ควนโดน จ.สตูล
หลังจากนั้น ก็นำความรู้มาประยุกต์ใช้กับความรู้ที่เคยเรียนช่างไฟฟ้ามาปรับใช้ ผลิตบ่อก๊าซชีวภาพขึ้นเพื่อใช้ในครัวเรือน โดยใช้วิธีบ่อหมักก๊าซชีวภาพแบบโดมคงที่ (Fixed Dome)สำหรับการทำก็ไม่ยุ่งยาก ใช้เงินลงทุนครั้งเดียวประมาณ 5,000 บาท หรืออาจจะจ้างทำทั้งหมด ก็ไม่เกิน 10,000 บาท แต่คุ้มค่า โดยการเตรียมพื้นที่ขนาด 2x2 เมตร ขุดบ่อดิน บ่อหมัก และบ่อเติม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.60 เมตร ลึก 1.50 เมตร แล้วนำท่อซีเมนต์วางลงไปในบ่อที่ขุดไว้ พร้อมทำการวางระบบ ต่อท่อพีวีซีไปยังเตาแก๊สที่อยู่ภายในครัว เท่านี้ก็สามารถมีก๊าซโดยไม่ต้องซื้อ
ส่วนกรรมวิธีที่จะทำให้เกิดก๊าซนั้นต้องเริ่มหมักด้วยการเติมมูลสัตว์ประมาณ 30% ของปริมาณถังหมัก ส่วนอีก 70% เป็นน้ำ รอ 3 วัน จากนั้นค่อยๆ เติมเศษอาหารไปทางบ่อเติม ซึ่งเศษอาหารก็คือสิ่งของเหลือใช้ภายในครัวเรือนทุกอย่างใช้ได้หมดไม่ต้องทิ้งให้เป็นขยะ และสามารถเติมทุกอย่างได้ตลอด ไม่ต้องกลัวเต็ม เพราะล้นไปอยู่ที่บ่อล้นซึ่งสามารถตักออกมาเป็นปุ๋ยชีวภาพรถน้ำผักต้นไม้ได้อีก
สำหรับก๊าซภายในบ่อสามารถใช้ได้นานติดต่อกันประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งหากว่าหมดเว้นช่วงก็สามารถกลับมาใช้ได้อีก เพราะภายในบ่อจะเกิดก๊าซอยู่ตลอดเวลา และคุณภาพดีกว่าก๊าซแอลพีจี เนื่องจากไม่มีกลิ่นรบกวน สามารถประหยัดเงินได้หลายบาทในแต่ละปี
ปัจจุบัน ชีวิตมีความสุขมาก ครอบครัวสมบูรณ์ มีลูกชาย 1 คน เรียนอยู่ ม.3 และลูกสาว 1 คน เรียนอยู่ ป.4 และไม่เคยคิดเสียดายที่ได้ทิ้งบริษัทรับเหมา มีเงินหมุนเวียนนับ 10 ล้านบาท ทาทำเกษตรพอเพียงตามหลักเกษตรทฤษฎีใหม่ของในหลวง ถึงแม้ว่าจะมีรายได้จากการขายผัก ขายผลไม้ภายในสวนเดือนละประมาณกว่า 3 หมื่นบาท แต่สามารถเลี้ยงครอบครัวให้มีความสุขอย่างแท้จริงได้ และปัจจุบัน ได้ตั้งเป็นกลุ่มรักษ์พลังงานและศูนย์เรียนรู้ชุมชน ต.ปกาสัย โดยเปิดให้กลุ่มคนที่สนใจสามารถเข้ามาศึกษาเรียนรู้ได้ ซึ่งจะถ่ายทอดความรู้ให้ฟรี ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-1958-9566
