ปัตตานี - คดีวิสามัญ 4 ศพที่ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ญาติยังครวญหาความเป็นธรรมให้แก่เหยื่อที่ถูกวิสามัญ และครอบครัว ภายหลังรับทราบการให้การของเจ้าหน้าที่ในชั้นศาลยืนยันว่า “ผู้ตายเป็นโจรใต้”
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายอับดุลกอฮาร์ อาแวปูเต๊ะ ประธานมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม ปัตตานี กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า เจ้าหน้าที่วิสามัญ 4 ศพ ที่บ้านโต๊ะชูด ต.พิเธน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2558 มีการสนธิกำลังระหว่าง ฉก.ปัตตานี 25 นปพ.431 ฉก.ทพ.41 กำลังตำรวจจาก สภ.ทุ่งยางแดง เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และทหารจากร้อย ร.35314 ฉก.ปัตตานี ได้เข้าปฏิบัติการตรวจสอบความผิดปกติ ในพื้นที่ ม.6 บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี
ซึ่งการปฏิบัติการดังกล่าวส่งผลให้มีการจับกุมประชาชน จำนวน 22 คน และวิสามัญฆาตกรรม จนมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จำนวน 4 ศพ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ให้ข่าวสารต่อสาธารณะว่า ผู้เสียชีวิต 2 คน คือ นายอันวาร์ ดือราแม และนายมากูรอซี แมเราะ เป็นแกนนำก่อความไม่สงบในพื้นที่ทุ่งยางแดงระดับปฏิบัติการ (RKK) ได้ใช้อาวุธต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ความจริงของเหตุการณ์ไม่ได้มีบุคคลทั้ง 2 รายชื่อดังกล่าวเสียชีวิต
แต่ผู้เสียชีวิต 4 ราย ได้แก่ นายสุไฮมี เซ็น, นายคอลิด สาแม็ง, นายมะดารี แม้เราะ และนายซัดดัม วานุ โดย นายคอลิด และนายมะดารี เป็นนักศึกษาคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยฟาฏอนี จ.ปัตตานี ชาวบ้านใกล้เคียงที่เกิดเหตุ และญาติเชื่อว่า ผู้ตายไม่มีอาวุธ และไม่ได้ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด จากกรณีดังกล่าวนี้ทำให้ภาคประชาสังคมและองค์กรมุสลิมมีความสงสัยว่า การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ
จนกระทั่งล่าสุด วานนี้ (24 มิ.ย.) ศาลจังหวัดปัตตานี ที่ห้องพิจารณาที่ 7 คดีชันสูตรพลิกศพหรือไต่สวนการตาย หมายเลขดำที่ ช.11/2558 ระหว่างพนักงานอัยการผู้ร้อง นายสูไฮมี เซ็น กับพวกรวม 4 คน ผู้ตาย ศาลได้สืบพยานฝ่ายญาติผู้ตาย จำนวน 3 ปาก ซึ่งได้แก่ ชาวบ้านผู้รับรู้เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ นายนาแซ ดอคอ ผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านที่เกิดเหตุ และนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ในนามคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี
ด้าน นายแวดือราแม มะมิงจิ ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วเชื่อว่า ผู้ตายทั้ง 4 คน ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุรุนแรง และไม่ใช่แนวร่วมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงแต่อย่างใด อาวุธปืน และระเบิดที่พบอยู่กับศพผู้ตายไม่ใช่เป็นของผู้ตาย และเชื่อว่าผู้ตายไม่ได้ยิง หรือต่อสู้กับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด แต่เนื่องจากพยานอีก 1 ปาก ที่ศาลได้หมายเรียกให้มาเบิกความในวันนี้คือ ดร.อิสมาแอลุตฟี จะปะกียา อธิการบดีมหาวิทยาลัยฟาฏอนี มีเหตุจำเป็นไม่สามารถมาศาลได้ เนื่องจากมีภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ ดังนั้น ศาลจึงมีคำสั่งให้เลื่อนวันนัดสืบพยานปากดังกล่าว ไปเป็นวันที่ 26 ก.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความรู้สึกของผู้สูญเสียจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ยังคงเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ผู้สูญเสีย และครอบครัว เพราะเริ่มไม่มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมในเวทีการพูดคุยผู้ได้รับผลกระทบ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา ทางด้านครอบครัวผู้ตายทั้ง 4 และชาวบ้านในหมู่บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้ร่วมกันจัดงานละหมาดฮายัตเพื่อให้เกิดสันติสุข ต้อนรับเดือนรอมฎอน และจัดเวทีพูดคุย
โดยในวันดังกล่าว ตัวแทนครอบครัวผู้ตายได้กล่าวว่า “หลังเหตุการณ์ ตอนที่เขามาขอโทษ เจ้าหน้าที่ออกมายอมรับว่าเป็นความผิดของตนเองในการปฏิบัติหน้าที่ อาเยาะรู้สึกดีขึ้นไม่เสียใจแล้ว แต่เมื่ออยู่ในชั้นศาลกลับบอกว่า ลูกชายของตนเป็นคนร้าย มีอาวุธปืน ตนมีความรู้สึกว่า ลูกชายไม่ได้รับความเป็นธรรม ตนมองว่า เจ้าหน้าที่ไม่ความจริงใจ ความบริสุทธิ์ (ความอิคลาส) ทางครอบครัวเพียงอยากให้ลูกชายที่เสียชีวิตไปแล้วได้รับความเป็นธรรม ไม่ถูกสังคมกล่าวหาว่าเป็นคนร้าย หรือแนวร่วมก่อความไม่สงบ ครอบครัวไม่ได้ต้องการเงินเยียวยาเป็นล้านๆ เงินกี่ล้านก็ไม่สามารถทดแทนลูกชายที่เสียไปได้ เขากำลังจะเรียนจบปริญญาตรี กำลังจะไปสอบเป็นปลัดตามที่ลูกชายบอกเขาไว้ก่อนถูกยิงเสียชีวิต”