xs
xsm
sm
md
lg

ก.การท่องเที่ยวและกีฬา-ก.คมนาคมจับมือสร้างจิตสำนึกเรือนำเที่ยวสปีดโบต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมจับมือกับกระทรวงคมนาคม จัดใหญ่โครงการอบรมจิตสำนึกด้านความปลอดภัยแก่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจเรือนำเที่ยวสปีดโบต จังหวัดอันดามัน ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ

วันนี้ (24 มิ.ย.)ที่โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดการประชุมผู้ประกอบการนำเที่ยวเพื่อหาแนวทางป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากการโดยสารเรือ โดยมี นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ตำรวจน้ำ ตำรวจท่องเที่ยว ผู้แทนทัพเรือภาคที่ 3 สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต สำนักงานเจ้าท่า สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ฯลฯ และกลุ่มผู้ประกอบการนำเที่ยว โดยเฉพาะผู้ประกอบการเรือเร็วสปีดโบตเกือบทุกบริษัทในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ร่วมประชุม

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังการประชุม ว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยว เป็นผู้ออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจเรือนำเที่ยว ทราบว่า ปีนี้มีอุบัติเหตุทางทะเลเกิดขึ้นมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา สาเหตุส่วนหนึ่งอยู่ที่ปริมาณนักท่องเที่ยว เมื่อมีนักท่องเที่ยวเข้ามามาก อุบัติเหตุก็จะเกิดขึ้นมากตามไปด้วยเป็นธรรมดา แต่ตนคิดว่า เราสามารถป้องกันได้ถ้าเรามีความตั้งใจ และมีมาตรการ จริงๆ มีมาตรการอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น วันนี้เลยเป็นการมาตอกย้ำ และมาฟังรายงานจากทางการ ว่า มีปัญหา หรือมีมาตรการที่ควรจะเพิ่มเติมคืออะไร

อย่างไรก็ตาม จากการประชุมได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางทะเล โดยมีการทบมาตรการที่มีการกำหนดเอาไว้แล้วว่าเราจะต้องทำอะไร อย่างไรบ้าง โดยเมื่อปีที่แล้วทางคณะกรรมการการท่องเที่ยวได้เดินทางลงมายังจังหวัดภูเก็ต และได้กำหนดเป็นสัตยาบัน เรื่อง “ความปลอดภัยคือหัวใจของการท่องเที่ยว” ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชนที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ต ก็มีการร่วมมือกันมาโดยตลอด แน่นอนนักท่องเที่ยวเยอะ อุบัติเหตุก็เกิด วันนี้ที่เราดูคิดว่ามาตรการเหล่านี้ทำไปเกือบหมดแล้วแต่สิ่งที่ยังขาดอยู่หลายอย่างที่จะต้องนำมาปรับปรุงบังคับใช้ ประการแรก เรื่องของคลัสเตอร์ คือ มองแบบองค์รวม ซึ่งไม่ได้ดูแค่จังหวัดภูเก็ต แต่จะต้องดูทั้งกลุ่มจังหวัด ไม่เหมือนพัทยาโมเดล มีพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัด ดูพัทยาอย่างเดียวได้ แต่ดูภูเก็ตอย่างเดียวไม่ได้ เพราะการท่องเที่ยวอันดามันจะเชื่อมโยงถึงกันหมด

ประการที่สอง เรื่องการพัฒนาคนของคนประจำเรือ เจ้าของเรือ กัปตันเรือ มัคคุเทศก์ประจำเรือ นายท้ายเรือ ต้องยอมรับว่า คุณภาพยังไม่ได้มาตรฐาน ต้องเน้นความตระหนัก และความสำนึก เป็นความใส่ใจในความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ตนจะร่วมมือกับกระทรวงคมนาคม คือ กรมเจ้าท่า และทางจังหวัดจัดโครงการอบรมจิตสำนึกทางด้านความปลอดภัย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดง่าย แต่จริงๆ แล้วทำยาก ควบคุมมาตรฐาน ควบคุมคุณสมบัติของผู้ประจำเรือ ซึ่งมีจำนวนมหาศาล เพราะเรือที่วิ่งอยู่ในอันดามันตอนนี้มีประมาณ 2,300 กว่าลำ เรือสปีดโบตแต่ละลำมีผู้ประจำเรืออยู่ 4-5 คนอย่างน้อย รวมเจ้าของเรือด้วย เป็นหมื่นคน จึงจำเป็นต้องนำคนเหล่านี้มาสร้างจิตสำนึก ความใส่ใจในความปลอดภัย ก็จะเป็นโครงการใหญ่ที่จะร่วมกับทางกระทรวงคมนาคม จัดโครงการตรงส่วนนี้ขึ้นมา

ประการสุดท้าย เรื่องของการสร้างระบบรักษาความปลอดภัยที่สามารถบริหารจัดการ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเรือ ซึ่งที่ภูเก็ตมีการตั้ง “ภูเก็ต ยอชต์ คอนโทรลเซ็นเตอร์” ขึ้นมา เป็นระบบที่สามารถตรวจสอบเรือได้ทุกลำอยู่แล้ว แต่ทำยังไงให้มีความยั่งยืน และไม่ให้มันล้มหายตายจากไปตามการโยกย้ายของข้าราชการ นายพงษ์ภาณุ กล่าวในที่สุด
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น