“ฉลามขาว” ลุยต่อตรวจสอบบุกรุกป่าชายเลนภูเก็ต พบแปรสภาพเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ฉลามขาว” เดินหน้ากัดต่อ ตรวจสอบที่ดินป่าชายเลนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต วันสุดท้ายอีก 8 เป้าหมาย พบส่วนใหญ่แปรสภาพเป็นบ่อเลี้ยงกุ้ง สำหรับเจ้าของที่ดินนำหลักฐานแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เตรียมตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการได้มาซึ่งเอกสารสิทธิทั้งหมดว่าเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยชอบหรือไม่ ส่วนกรณีไม่มีเอกสารยืนยันจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย

ชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ซึ่งนำโดย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ยังคงเดินหน้าตรวจสอบพื้นที่ป่าชายเลนในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ตามแผนปฏิบัติการพลิกฟื้นผืนป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต จำนวน 34 แปลง เนื้อที่ 2,200 ไร่ ซึ่งได้สนธิกำลังร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนของสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน สำนักบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 4 กอ.รมน.และ กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวนรวม 200 นาย โดยวันนี้ (31 พ.ค.) นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ขึ้น ฮ.เพื่อบินสำรวจสภาพพื้นที่ป่าชายเลนทางอากาศอีกครั้งเพื่อตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมด แต่การขึ้นบินพบว่าสภาพอากาศไม่อำนวย

ขณะที่ในส่วนของชุดปฏิบัติการฉลามขาว ได้ลงพื้นที่รังวัดแนวเขต และตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายอีก จำนวน 8 เป้าหมาย ในพื้นที่ ต.ไม้ขาวและ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง เนื้อที่รวม 220 ไร่เศษ ซึ่งส่วนใหญ่มีการแปรสภาพเป็นนากุ้งทั้งหมดแล้ว และในการตรวจสอบครั้งนี้มี 1 เป้าหมายที่ไม่ได้รับความร่วมมือให้ความร่วมมือให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ ซึ่งจุดนี้ทางเจ้าหน้าที่จะต้องขอออหหมายศาลเพื่อเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง

ด้าน นายวัชรินทร์ ถิ่นถลาง ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 (สบทช.6) กล่าวว่า การลงพื้นที่ของชุดปฏิบัติการฯ ในครั้งนี้ ทางชุดปฏิบัติการมีเป้าหมายในการตรวจสอบ จำนวน 34 เป้าหมาย พื้นที่ 2,200 ไร่ ขณะนี้ได้มีการดำเนินการไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการตรวจสอบในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ กรณีที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายแล้วทางเจ้าของ หรือผู้ครอบครองไม่สามารถนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ที่ดินมาแสดงได้ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะจับกุม และแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนกรณีที่มีการนำเอกสารหลักฐานการครอบครองที่ดินมาแสดง ในเบื้องต้น ก็จะถือว่าเค้ามีสิทธิในการครอบครอบ แต่ในส่วนของหน่วยงานปฏิบัติก็จะแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 คณะเพื่อตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าวว่า มีการออกเอกสารสิทธิโดยชอบหรือไม่

ซึ่งคณะทำงานดังกล่าวจะประกอบไปด้วยหลายฝ่าย ทั้งในพื้นที่ และจากหน่วยงานกลาง ซึ่งในขั้นตอนแรกจะมีคณะทำงานไปทำหน้าที่ขอเอกสารบบจากกรมที่ดิน หรือสำนักงานที่ดินมาตรวจสอบ การตรวจสอบและแปรภาพถ่ายทางดาวเทียม และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ เข้าร่วมดำเนินการ เพื่อตรวจพิสูจน์ว่าเอกสารสิทธิที่ออกมาออกโดยถูกต้องหรือไม่ ซึ่งในขั้นตอนนี้อาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินการระยะหนึ่ง