คลื่นขนาดใหญ่ซัดใส่ชายหาดแหล่งท่องเที่ยวพังงาเสียหายหนัก จังหวัดเร่งหาทางป้องกัน

พังงา - คลื่นขนาดใหญ่ยังซัดถล่มใส่ชายหาดบางเหนียง เขาหลัก แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของพังงา โรงแรม รีสอร์ตได้รับความเสียหาย จังหวัดเร่งหาผู้เชี่ยวชาญเรื่องโครงสร้างมาแนะวิธีเสริมแนวป้องกันให้กับผนังกั้นคลื่นให้มีความแข็งแรงต่อการถูกกระแทกจากคลื่น

วันนี้ (30 พ.ค.) คลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่งบริเวณชายหาดบางเนียง ม.5 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ซึ่งมีโรงแรม รีสอร์ตตั้งอยู่บริเวณริมชายหาดจนสร้างความเสียหายจากอิทธิพลของพายุไซโคลน “โรอานู” ในอ่าวเบงกอล และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จนทำให้มีฝนตกหนัก และเกิดลมพายุพัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่จังหวัดพังงา โดยเฉพาะเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าใส่ชายทะเลโซนหาดเขาหลัก แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดพังงา จนเกิดการกัดเซาะชายฝั่งเสียหายหลายกิโลเมตร และความแรงของคลื่นได้กระแทกเข้าใส่ผนังกั้นคลื่นของรีสอร์ตหรู บ้านพักตากอากาศ และร้านอาหารริมหาดหลายแห่งเกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง

นายมานิต เพียรทอง นายอำเภอตะกั่วป่า พร้อมด้วย นายสวัสดิ์ ตันเก่ง นายกเทศมนตรีตำบลคึกคัก นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองช่างเทศบาลฯ ลงพื้นที่หาดบางเนียง ม.5 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เพื่อตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น และหาแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งพบว่า ยังมีพายุฝนพัดกระหน่ำพื้นที่เขาหลักอย่างต่อเนื่อง จนทำให้เหล่าผู้ประกอบการต้องใช้เวลาช่วงน้ำลด และฝนหยุดตกเร่งนำเครื่องจักร และคนงานทำการสร้างแนวป้องกัน และซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย

นายอำเภอตะกั่วป่า เปิดเผยว่า หลังจากมีฝนตกหนัก และพายุพัดกระหน่ำจังหวัดพังงา ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.59 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าพื้นที่หาดบางเนียง ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ทำให้ผนังกั้นคลื่นของรีสอร์ต บ้านเรือน รวมถึงร้านค้าที่ตั้งอยู่ตลอดแนวชายหาดได้รับผลกระทบจากคลื่นกัดเซาะเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีความรุนแรงมากกว่าที่แล้วๆมา ทั้งที่เป็นเพียงต้นฤดูมรสุมของฝั่งทะเลอันดามันเท่านั้น จึงทำให้ประชาชนต้องเร่งหาวิธีป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อทรัพย์สินของตนเอง และได้ปรึกษากับ นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เพื่อที่จะหาแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาว โดยเบื้องต้น ทางจังหวัดจะหาผู้เชี่ยวชาญเรื่องโครงสร้างมาแนะวิธีเสริมแนวป้องกันให้กับผนังกั้นคลื่นให้มีความแข็งแรงต่อการถูกกระแทกจากคลื่น ส่วนระยะยาวนั้นจะต้องบูรณาการกันทำงานหลายหน่วยงานเพื่อให้มีการป้องกันอย่างเป็นระบบ และไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม