ศูนย์ข่าวภูเก็ต - น้ำทะเลกัดเซาะกำแพงแนวกันคลื่นหาดราไวย์ จ.ภูเก็ต เสียหาย เหตุคลื่นลมแรง “นายกฯ อรุณ” เร่งนำทีมเจ้าหน้าที่ขนหินทำเป็นกำแพงเพื่อแก้ไขปัญหาระยะสั้นก่อนถูกคลื่นซัดพังยับกว่านี้ ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวต้องหารือผู้เชี่ยวชาญวางแผนแก้ทั้งระบบ
นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 วันนี้ พื้นที่จังหวัดภูเก็ ตมีคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าฝั่งอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้เขื่อนกันคลื่นบริเวณหาดราไวย์ พังเป็นแนวยาว ระยะทางยาวประมาณ 30 เมตร มีแนวกว้างมาจนถึงแนวต้นสนอายุกว่า 15 ปี ซึ่งอยู่ติดกับทางเท้า และห่างจากถนนประมาณ 5-6 เมตร ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ฐานด้านล่างของเขื่อนกันคลื่นถูกน้ำกัดเซาะเข้ามายังพื้นดินค่อนข้างมากแล้ว ถ้าปล่อยว่าคลื่นจะซัดเข้ามาจนทำให้ถนนซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรหลักได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน
ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี และมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งแนวชายหาดราไวย์มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ช่วงที่มีปัญหาของการกัดเซาะชายฝั่งค่อนข้างมากจะอยู่บริเวณกึ่งกลางของชายหาด ซึ่งมีระยะประมาณ 600 เมตร โดยกำแพงแนวกันคลื่นเดิมจะเป็นคอนกรีต สร้างขึ้นภายหลังจากเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ รวมระยะเวลากว่า 13 ปี แต่หากไม่มีกำแพงกันคลื่นดังกล่าวก็จะทำให้น้ำกัดเซาะริมตลิ่งมากกว่าที่เป็นอยู่ และอาจจะถึงถนนที่ใช้สัญจรไปมาอยู่ปัจจุบัน
โดยวันนี้ (8 พ.ค.) ตน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองช่างเทศบาลตำบลราไวย์ จึงนำเครื่องจักรกลหนักมาปรับพื้นที่ พร้อมนำหินขนาดต่างๆ จำนวน 10 รถบรรทุกมาถม เพี่อทำเป็นกำแพงบริเวณจุดที่มีปัญหาน้ำกัดเซาะ เพื่อป้องกันการกัดเซาะแนวตลิ่งเพิ่มเติม และป้องกันไม่ให้น้ำกัดเซาะจนถึงแนวถนน ซึ่งขณะนี้เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาว นายอรุณ กล่าวว่า จะมีการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการกัดเซาะของน้ำทะเลเพื่อวางแผน และทำแบบกำแพงหินที่มีโครงสร้างแข็งแรง และถาวร เพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นกัดเซาะได้ หลังจากนั้น จะนำปัญหาดังกล่าวมาพูดคุยกับคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อจะนำเข้าในที่ประชุมในการจัดสรรหางบประมาณในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ในช่วง 2-3 วันนี้ พื้นที่จังหวัดภูเก็ ตมีคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าฝั่งอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้เขื่อนกันคลื่นบริเวณหาดราไวย์ พังเป็นแนวยาว ระยะทางยาวประมาณ 30 เมตร มีแนวกว้างมาจนถึงแนวต้นสนอายุกว่า 15 ปี ซึ่งอยู่ติดกับทางเท้า และห่างจากถนนประมาณ 5-6 เมตร ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ฐานด้านล่างของเขื่อนกันคลื่นถูกน้ำกัดเซาะเข้ามายังพื้นดินค่อนข้างมากแล้ว ถ้าปล่อยว่าคลื่นจะซัดเข้ามาจนทำให้ถนนซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรหลักได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน
ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี และมีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งแนวชายหาดราไวย์มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ช่วงที่มีปัญหาของการกัดเซาะชายฝั่งค่อนข้างมากจะอยู่บริเวณกึ่งกลางของชายหาด ซึ่งมีระยะประมาณ 600 เมตร โดยกำแพงแนวกันคลื่นเดิมจะเป็นคอนกรีต สร้างขึ้นภายหลังจากเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ รวมระยะเวลากว่า 13 ปี แต่หากไม่มีกำแพงกันคลื่นดังกล่าวก็จะทำให้น้ำกัดเซาะริมตลิ่งมากกว่าที่เป็นอยู่ และอาจจะถึงถนนที่ใช้สัญจรไปมาอยู่ปัจจุบัน
โดยวันนี้ (8 พ.ค.) ตน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายกองช่างเทศบาลตำบลราไวย์ จึงนำเครื่องจักรกลหนักมาปรับพื้นที่ พร้อมนำหินขนาดต่างๆ จำนวน 10 รถบรรทุกมาถม เพี่อทำเป็นกำแพงบริเวณจุดที่มีปัญหาน้ำกัดเซาะ เพื่อป้องกันการกัดเซาะแนวตลิ่งเพิ่มเติม และป้องกันไม่ให้น้ำกัดเซาะจนถึงแนวถนน ซึ่งขณะนี้เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาว นายอรุณ กล่าวว่า จะมีการปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการกัดเซาะของน้ำทะเลเพื่อวางแผน และทำแบบกำแพงหินที่มีโครงสร้างแข็งแรง และถาวร เพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นกัดเซาะได้ หลังจากนั้น จะนำปัญหาดังกล่าวมาพูดคุยกับคณะผู้บริหาร สมาชิกสภา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อจะนำเข้าในที่ประชุมในการจัดสรรหางบประมาณในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป