นครศรีธรรมราช - รองนายกรัฐมนตรี พล.ร.อ.ณรงค์ พร้อมคณะลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เร่งรัดสร้างแนวหินป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งปากพนัง พื้นที่แหลมตะลุมพุก เพื่อเตรียมให้การช่วยเหลือในระยะยาว
วันนี้ (21 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณบ้านปรายทราย โครงการก่อสร้างแนวหินใหญ่ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ม.1 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาสัย รองนายกรัฐมนตรี และคณะลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อกำกับ และติดตามการปฏิบัติราชการตามนโยบายของรัฐบาล โดยมี นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช พร้อมหัวหัวหน้าส่วนราชการ และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ
นายธัญญพัฒน์ พัฑฒิคงพันธุ์ นายอำเภอปากพนัง กล่าวถึงผลกระทบจากคลื่นกัดเซาะตามแนวชายฝั่งทะเลที่ผ่านมาว่า พื้นที่ อ.ปากพนัง มีพื้นที่ริมทะเลตั้งแต่ ต.แหลมตะลุมพุก ถึง ต.ขนาบนาก ระยะทางตามแนวชายฝั่งยาวประมาณ 40 กิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ 5 ตำบล ประชาชนได้รับความเดือดร้อน จำนวน 4,184 ครัวเรือน 14,011 คน ได้ดำเนินก่อสร้างแนวหินใหญ่ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งไปแล้ว 8.4 กิโลเมตร คงเหลือพื้นที่ยังไม่ได้ดำเนินการ 31.6 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 243.5 ล้านบาท
ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งจังหวัด กรมโยธาธิการและผังเมือง กรมเจ้าท่า และองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาโครงการกัดเซาะไปส่วนหนึ่งแล้ว ซึ่งโครงการดังกล่าวนี้เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันที ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาว ทางกรมเจ้าท่า ได้ทำการว่าจ้างคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศึกษาออกแบบโครงสร้างก่อสร้างแนวหินใหญ่ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ตั้งแต่ปลายแหลมตะลุมพุก ถึงบ้านหน้าโกฎิ ต.ขนาบนาก ระยะทาง 40 กิโลเมตร โดยดำเนินการเป็น 3 ระยะ ซึ่งรูปแบบเป็นการวางแนวกองหินในทะเลเพื่อชะลอคลื่น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอ EIA ต่อสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
นายธัญญพัฒน์ พัฑฒิคงพันธุ์ นายอำเภอปากพนัง กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดเชิงเทคนิคโครงการก่อสร้างแนวหินใหญ่ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งแห่งนี้ เป็นโครงการก่อสร้างแนวหินใหญ่ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ม.1 และ ม.4 ต.แหลมตะลุมพุก ระยะทางรวม 1,300 เมตร สันบนกว้าง 2 เมตร ฐานกว้าง 6 เมตร สูง 2 เมตร งบ 9,379,000 บาท ขนาดพื้นที่ 7,860 ตารางเมตร ได้ดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่ ต.ค.2557 แล้วเสร็จในเดือน ก.ย.2558 สามารถป้องกันปัญหาคลื่นกัดเซาะ ซึ่งทำความเสียหายสิ่งสาธารณประโยชน์ และความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ได้ รวมทั้งเป็นที่จอดเรือหลบภัยจากคลื่นลมแรง และประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินมากยิ่งขึ้น
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาสัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ บริเวณแหลมตะลุมพุกมีการกัดเซาะของคลื่นรุนแรงมาก ทางชุมชนร่วมกับจังหวัดได้ร่วมกันป้องกันใช้หินใหญ่มาเรียงไว้ ซึ่งปีที่ผ่านมา ทำไว้ 1.3 กิโลเมตร ในระยะเวลา 1 ปี เห็นว่า ทรายกลับเข้ามาคืนพื้นที่แล้ว จากก่อนนี้บริเวณดังกล่าวนี้ทำอะไรไม่ได้ แต่บัดนี้สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้แล้ว และชาวบ้านก็พอใจ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการดำเนินการต่อไปอีก เพราะที่ทำไปแล้วนั้นยังไม่เพียงพอ และที่ทำไปแล้วนั้นพิสูจน์ให้เห็นว่า ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
“จึงขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการศึกษาวิธีการที่ชุมชนร่วมกับราชการทำแนวหินใหญ่ป้องกันคลื่นดังกล่าวนี้ด้วย เพื่อเอาไปเป็นแบบอย่างในการดำเนินการที่อื่นต่อไปด้วย ส่วนเรื่องที่ดินที่มีโฉนดถูกคลื่นกัดเซาะจมอยู่ในทะเลนั้น ทราบว่า รัฐบาลตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษา และดำเนินการอยู่” พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าว
หลังจาก พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาสัย รองนายกรัฐมนตรี และคณะเข้าตรวจเยี่ยมโครงการก่อสร้างแนวหินใหญ่ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ม.1 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช แล้ว ก็ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานที่ประสบภัยชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะ บริเวณ ม.9 ต.ท่าพญา และ ม.10 ต.ขนาบนาก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ตามลำดับ เพื่อหาทางแก้ปัญหาในระยะยาวต่อไปด้วย