ตรัง - แม่ของเด็กหญิงวัย 8 ขวบ รับไม่เชื่อว่าสามีจะเป็นผู้ลงมือข่มขืนฆ่าลูกสาว เพราะหลักฐานต่างๆ ยังไม่ชัด แต่อาจถูกบีบบังคับให้รับสารภาพ ขณะที่ย่า และยายต่างก็ไม่เชื่อเช่นกัน วอนสังคมรอผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ออกมาเสียก่อน
จากกรณีที่ น้องเก๋ (นามสมมติ) เด็กหญิงวัย 8 ขวบ ชาว ต.หนองตรุด อ.เมือง จ.ตรัง ได้ถูกคนร้ายหลอกให้กินน้ำอัดลมผสมสารเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จนทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ก่อนแอบย่องเข้าไปภายในห้องนอนในช่วงดึกขณะที่พ่อแม่ออกไปกรีดยาง แล้วล่วงละเมิดทางเพศอย่างรุนแรง ทำให้หนูน้อยมีเลือดออกในช่องท้อง และเกิดหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จนเสียชีวิตลงในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลตรังนั้น
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่ นายกิตติศักดิ์ ผู้เป็นพ่อ ต้องมาตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าข่มขืนลูกสาวของตนเองนั้น วันนี้ (25 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดต้นปีก ม.6 ต.หนองตรุด อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของน้องเก๋ และมีการเก็บศพเอาไว้ หลังจากสวดพระอภิธรรมครบ 3 วันไปแล้วก่อนหน้านี้ แต่ยังเก็บศพออกไว้ต่อไปจนกว่าจะรู้ผลทางคดี และสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ทั้งหมด
น.ส.ศลิษา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้เป็นแม่ของเด็กสาวเคราะห์ร้ายให้สัมภาษณ์ว่า ส่วนตัวตนยังไม่เชื่อว่าสามีของตนซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของน้องเก๋ จะกระทำการดังกล่าว เนื่องจากเขาเป็นพ่อที่รัก และเป็นห่วงลูกมาก รวมทั้งช่วยตนดูแลลูกมาโดยตลอด ส่วนการตรวจสอบหลักฐานที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบก็อาจเป็นการเข้าใจผิด เพราะตน และสามีกับลูกๆ ก็นอนด้วยกันตลอด
นอกจากนั้น ประมาณ 3 วันก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้น ตนกับสามีก็เพิ่งมีเพศสัมพันธ์กัน จึงอาจเป็นไปได้ว่า คราบอสุจิที่พบบนที่นอนกับชุดของลูกสาวอาจเป็นของสามีกับตน ไม่ใช่กับลูกของตน เพราะจำได้ว่า ครั้งหนึ่งสามีมีการใช้ชุดของลูกสาวมาเช็ดหลังจากเสร็จภารกิจกับตนแล้วก็โยนชุดทิ้งไว้บริเวณห้องนอน ซึ่งตนก็ยังไม่ได้ทำความสะอาด แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจยึดไปเป็นหลักฐาน
อย่างไรก็ตาม หากผลดีเอ็นเอออกมาตรงกับสามี ตนก็พร้อมจะยอมรับ และทำใจได้ โดยต้องปล่อยให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย เพราะตนก็ไม่มีเงินที่จะไปวิ่งเต้นคดี หรือให้การช่วยเหลือใดๆ แต่หากตราบใดที่ผลทางวิทยาศาสตร์ยังไม่ออกมายืนยัน ตนและครอบครัวก็อยากจะขอความเป็นธรรมด้วยว่า อย่าเพิ่งตัดสินว่าสามีตนเป็นคนผิด หรือเป็นพ่อที่ข่มขืนลูกตนเอง
ส่วนการที่สามีตนยอมรับต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า เป็นผู้ลงมือทำนั้น ตนเชื่อว่าเป็นเพราะถูกกดดัน เพราะก่อนหน้า 2-3 วัน เขาก็มีความเครียดพอสมควร เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาพบหลายชุดมากจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทั้งนี้ ตนยังมั่นใจว่า นายเฟิร์ส ผู้ต้องหาคนแรกเป็นคนทำ เพราะเชื่อตามคำบอกของลูกสาวก่อนสิ้นใจ อีกทั้งลูกสาวคนเล็กอายุ 4 ขวบ ก็ยืนยันว่าเห็น นายเฟิร์ส เข้าไปในห้องนอน และมีการชี้ได้ไม่ผิดตัว
ด้าน นางอาภรณ์ ทำทอง อายุ 53 ปีมารดาของ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่เชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่า ลูกชายตนจะเป็นคนข่มขืนลูกสาว และที่ยอมรับสารภาพไปอาจเพราะถูกบังคับ ส่วนที่หากเขาจะคิดฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากช่วงเวลาที่เกิดขึ้นมีตั้งหลายวัน และมีเวลามากมายที่จะลงมือ หากคิดจะทำ และมีเหตุผลใดที่จะต้องไปลงมือฆ่าตัวตายในห้องขัง รวมทั้งยังมีอีกหลายเรื่องที่มีข้อสงสัย
ส่วน น.ส.วีรวรรณ บุญสังข์ ยายของ ด.ญ.เก๋ กล่าวว่า ใจตนตอนนี้ 50-50 ไม่แน่ใจ เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกับครอบครัวลูกสาวทุกวัน และเดือนๆ หนึ่งมาเจอหน้าหลานแค่ครั้งเดียว หากใครเป็นคนทำก็ขอให้รับกรรมไป แต่อยากจะขอความเป็นธรรมให้ เพราะข่าวที่กระจายออกไปทุกวัน ทุกชั่วโมง จนทำให้ครอบครัวเกิดความเครียด โปรดอย่าซ้ำเติม และขอให้รอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ออกมาเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น จากการสอบถามไปยัง พ.ต.ท.สมยศ สมบัติมาก หน.สภ.หนองตรุด ท้องที่ที่เกิดเหตุ กล่าวว่า คงเป็นสิทธิของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่จะออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำงานอย่างเต็มที่ และถูกต้องตามกระบวนการทุกอย่างแล้ว โดยขณะนี้กำลังรอผลการตรวจดีเอ็นเอ และตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้ ส่วนรายละเอียดของคดีในเชิงลึกขอให้สอบถามไปยัง พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช ผบก.ภ.จว.ตรัง เท่านั้น