ตรัง - พ่อของเด็กหญิงวัย 8 ขวบ ที่พยายามผูกคอตายมีอาการดีขึ้นเป็นปกติแล้ว ด้าน ตร.เตรียมนำตัวไปฝากขังผลัดแรก และค้านการประกันตัว ขณะที่พ่อของผู้ต้องหารายแรกโล่งใจ ยังยืนยันลูกชายบริสุทธิ์
วันนี้ (25 พ.ค.) จากกรณีที่ น้องเก๋ (นามสมมติ) เด็กหญิงวัย 8 ขวบ ชาว ต.หนองตรุด อ.เมือง จ.ตรัง ได้ถูกคนร้ายหลอกให้กินน้ำอัดลมผสมสารเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จนทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่ง ก่อนแอบย่องเข้าไปภายในห้องนอนในช่วงดึกขณะที่พ่อแม่ออกไปกรีดยาง แล้วล่วงละเมิดทางเพศอย่างรุนแรง ทำให้หนูน้อยมีเลือดออกในช่องท้อง และเกิดหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันจนเสียชีวิตลงในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลตรังนั้น
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานได้เดินทางไปติดตามอาการของ นายกิตติศักดิ์ ทองย้อย หรือบ่าว อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 144 ม4 ต.หนองตรุด อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งเพิ่งตกเป็นผู้ต้องหาของ สภ.หนองตรุด ตามหมายจับของศาลที่ จ.229/2559 ลงวันที่ 23 พ.ค.2559 ในคดีข่มขืนฆ่าบุตรสาวของตนเอง ตามข้อกล่าวหาว่า “ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตน โดยเด็กไม่ยินยอม โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้เด็กเสียชีวิต” หลังจากที่ก่อนหน้านั้น ได้ใช้เชือกรองเท้าพยายามผูกคอตนเองเพื่อฆ่าตัวตายภายในห้องขังที่ สภ.เมืองตรัง อันเนื่องจากความเครียดอย่างหนักนั้น
เจ้าหน้าที่ได้ย้ายตัว นายกิตติศักดิ์ จากห้องฉุกเฉิน รพ.ตรัง ไปพักยังห้องพักฟื้น หลังจากมีอาการปลอดภัยเป็นปกติแล้ว แต่ไม่ยอมเปิดเผยว่า พักอยู่ในห้องใดเพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องหา ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตรัง ก็ได้จัดกำลังมาดูแลตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งดูแลผู้ต้องหาอย่างใกล้ชิด เพราะยังคงเกิดความเครียดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากนั้น มีรายงานอีกว่า พนักงานสอบสวน สภ.หนองตรุด ท้องที่ที่เกิดเหตุได้เตรียมควบคุมตัว นายกิตติศักดิ์ ไปฝากขังผลัดแรกต่อศาลจังหวัดตรัง พร้อมกับขอคัดค้านการประกันตัวของผู้ต้องหา เนื่องจากกระบวนการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น
ด้าน นายรชต ซู่สั้น ผู้เป็นพ่อของ นายศรัณย์รัชต์ หรือเฟิร์ส อายุ 20 ปี หนุ่มใกล้บ้านเด็กหญิงเคราะห์ร้ายซึ่งถูกจับ และตกเป็นผู้ต้องหาคนแรก ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า จากกรณีที่ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุม นายกิตติศักดิ์ ผู้เป็นพ่อของ น้องเก๋ ทำให้ครอบครัวของตนเองรู้สึกสบายใจมากขึ้น และคิดไว้แล้วว่าคดีจะต้องออกมาเช่นนี้ ที่สำคัญก็คือ สังคมจะได้รับรู้ว่าความเป็นจริงเป็นเช่นไร เพราะที่ผ่านมา บุตรชายของตนถูกประณามในเรื่องที่ไม่ได้ก่อขึ้นแต่อย่างใดเลย อีกทั้งเชื่อว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับกุมพ่อของเด็กจะต้องมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถเชื่อมั่นได้ 100% ต่างไปจากบุตรชายของตน ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ไม่มีพยานหลักฐานอะไรที่ชี้ได้ว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ
ส่วนกรณีที่แม่ของเด็กหญิงเคราะห์ร้ายจะมากล่าวหาอะไรนั้น ทางครอบครัวของตนไม่ขอบตอบโต้ใดๆ ขอรอจัดการเรื่องคดีให้เสร็จสิ้นก่อน และได้มอบอำนาจให้ทนายความเป็นผู้ดำเนินการแล้ว โดยขณะนี้กำลังเร่งยื่นเรื่องขอประกันตัวบุตรชายออกมา หลังจากถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำในผลัดแรกครบแล้ว เบื้องต้น จากการประสานไปยัง ผกก.สภ.เมืองตรัง แจ้งว่าคงจะไม่มีการคัดค้านประกันตัว ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นบุตรชายของตนก็จะได้ออกมาสู่โลกภายนอกเพื่อต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ เพราะเขาเป็นคนดี รักครอบครัว โดยไปช่วยตนทำงานที่รีสอร์ตบนเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะยาเสพติด แต่เมื่อกลับมาพักผ่อนกับลูกเมียที่บ้านได้ไม่กี่วันก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัว ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรม
