ยะลา - ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ แถลงการณ์ดำเนินกิจกรรม “ประชารัฐร่วมใจ สู่เดือนรอมฎอน” ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1437
วันนี้ (24 พ.ค.) ที่ห้องโถงอาคารอเนกประสงค์ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วยผู้บริหาร ศอ.บต. ร่วมแถลงข่าวผลการปฏิบัติงานและการดำเนินกิจกรรม “ประชารัฐร่วมใจ สู่เดือนรอมฎอน” ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1437 โดยมี Mr.Triyo go Jatmiko กงสุลอินโดนิเซียประจำประเทศไทย ประธานคณะกรรมการอิสลาม ผู้นำศาสนา เครือข่ายสตรี กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบ บัณฑิตอาสาพัฒนามาตุภูมิ เจ้าหน้าที่เรือนจำ เครือข่ายยุติธรรมชุมชน เจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาล เครือข่ายนักประชาสัมพันธ์ และนักจัดรายการวิทยุจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เข้าร่วมกว่า 300 คน
นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต.กล่าวว่า ศอ.บต.ได้ดำเนินกิจกรรมในห้วงเดือนรอมฎอน ตามโครงการ “ประชารัฐร่วมใจ สู่เดือนรอมฎอน” ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1437 มีทั้งสิ้น 19 กิจกรรม ประกอบด้วย การกิจกรรมมอบข้าวสาร น้ำตาล เพื่อประกอบอาหารละศีลอดให้ครอบครัวยากจนตามบัญชีซะกาต มัสยิดละ 10 ครัวเรือน จำนวน 23,000 ครัวเรือน การจัดตั้งศูนย์จำหน่ายสินค้าราคาถูก ต้อนรับเดือนรอมฎอน ใน 33 อำเภอในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การสนับสนุนงบประมาณให้สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส จังหวัดละ 100,000 บาท และจังหวัดสตูล สงขลา จังหวัดละ 50,000 บาท เพื่อจัดกิจกรรมละศีลอด การสนับสนุนงบประมาณให้เรือนจำกลางยะลา ปัตตานี นราธิวาส และเบตง เพื่อจัดอาหารละศีลอดให้ผู้ต้องขัง
เลขาธิการ ศอ.บต.ยังกล่าวอีกว่า การพัฒนา และแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ ศอ.บต.ยังคงมุ่งมั่นน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงพอเพียง มาปฏิบัติ ขับเคลื่อนงานตามแนวนโยบายรัฐบาล และ คสช. ผ่านคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) เน้นความเป็นเอกภาพของงานความมั่นคง และงานพัฒนา สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคเอกชนตามแนวทางประชารัฐ โดยให้งานพัฒนาไปเสริมหนุนงานความมั่นคงของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. โดยพบว่า ปัจจุบันประชาชนหันมาให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสามารถดูได้จากชายแดนใต้โพล มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
นอกจากนี้ ศอ.บต.ยังได้ขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาล ในเรื่องของการอำนวยความเป็นธรรมการเร่งคลายทุกข์ที่ต้นทาง เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ของประชาชนระดับหมู่บ้าน และแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้รวดเร็ว โดยการจัดตั้งศูนย์เคดิลัน เซ็นเตอร์ ในระดับตำบล หมู่บ้าน จำนวน 37 ศูนย์ ตำบลละ 1 ศูนย์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
และการแก้ไขปัญหาที่ดินบริเวณอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากเขตอุทยานฯ ทับซ้อนที่ดินทำกินของราษฎร ส่งผลให้ราษฎรเดือดร้อน เพราะไม่สามารถตัดโค่นต้นยางพาราที่หมดอายุเพื่อปลูกใหม่ทดแทน หรือขอรับทุนจากกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางของทางราชการได้ เป็นข้อเรียกร้องจากประชาชน นับแต่ปี 2546 ซึ่งเป็นปัญหามาแทบทุกรัฐบาล จนเมื่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ให้ ศอ.บต.เร่งรัดแก้ไข โดยให้ดำเนินการตรวจสอบแนวเขตที่ชัดเจนตามระยะเวลาที่ครอบครอง และได้ออกเอกสารสิทธิ และเสนอขอความเห็นชอบในการให้สิทธิทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวได้ และในส่วนพื้นที่นอกเขตอุทยาน และป่าสงวนก็สามารถออกเอกสารสิทธิได้ ถือว่าปัญหาข้อเรียกร้องดังกล่าวได้รับการแก้ไขสำเร็จแล้ว
ขณะนี้ชาวบ้านสามารถตัดต้นยางพารา สามารถพัฒนาชุมชน ส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชนบริเวณพื้นที่เชื่อมต่อกับเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี อีกด้วย และในวันนี้ยังจัดให้มีกิจกรรมปล่อยคาราวานรถบรรทุกปัจจัยละศีลอดแจกจ่ายไปยังครัวเรือน ผ่านศูนย์ปฏิบัติการอำเภอในพื้นที่ จำนวน 37 อำเภออีกด้วย