ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - อดีตประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และอธิการ ม.อ.ระบุ หนังสือของ “ผบ.มทบ.42” เป็นการไม่เหมาะสม และไม่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ด้านกรรมการส่งเสริมฯ และศิษย์เก่าดีเด่น ม.อ.สรุป 3 ข้อ จี้ให้ขอโทษมหาวิทยาลัย
รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) และอดีตประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ปัจจุบัน เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 2 สมัย และได้รับเลือกให้เป็นประธานศึกษาการปฏิรูปการเมืองด้วย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ Prasert Chitapong (รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์) วันนี้ (24 พ.ค.) โดยนำภาพสำเนาหนังสือของผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 42 (มทบ.42) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ส่งถึงอธิการบดี ม.อ.มาลงด้วย และได้เขียนในเชิงตั้งชื่อหัวเรื่องไว้ว่า
“จดหมายน้อยที่ไม่ค่อยจะเหมาะสม...มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) หรือสถาบันอุดมศึกษาทั้งหลายเป็นสถาบันทางวิชาการ การจะมีความเห็นสนับสนุน หรือคัดค้านกิจการใดๆ ย่อมเป็นไปบนพื้นฐานทางวิชาการ...
“ทางราชการไม่สมควรขอความร่วมมือให้สถาบันอุดมศึกษาสนับสนุน หรือไม่ให้คัดค้านกิจการใดๆ ของรัฐ แต่ควรขอความร่วมมือให้เป็นผู้ให้ความเห็นทางวิชาการว่า กิจการนั้นๆ สมควรดำเนินการหรือไม่ เพียงใด บนพื้นฐานที่ใช้วิชาการมาเป็นฐานรองรับ...
“กรณีเช่นข้างล่างนี้ จึงไม่ควรที่จะเกิดขึ้นระหว่างหน่วยงานของรัฐกับสถาบันอุดมศึกษา เพราะเข้าข่ายที่ถือได้ว่าเป็นการปิดกั้นคุกคามทางวิชาการ ซึ่งถือเป็นการไม่ยอมรับในระดับสากล...”
นอกจากนี้แล้ วในช่วงท้ายของการโพสต์ยังมีการระบุไว้ชัดเจนด้วยข้อความว่า
“รศ.ดร.ประเสริฐ ชิตพงศ์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.), ส.ว.สงขลา และประธานกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา, สปช.สงขลา และรองประธานกรรมาธิการปฏิรูปการศึกษาฯ สภาปฏิรูปแห่งชาติ 24 พ.ค.2559”
ด้าน นายบรรจง นะแส คณะกรรมการส่งเสริมฯ ม.อ. และศิษย์เก่าดีเด่น ม.อ. อีกทั้งยังเป็นนายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย ที่เคลื่อนไหวปกป้องทรัพยากร และแหล่งอาหารทะเลของไทยในฐานะครัวโลกมาต่อเนื่อง เปิดเผยว่า กับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตนอยากขอร้องให้ ผบ.มท.42 ขอโทษต่อมหาลัยสงขลานครินทร์
“ผมว่ามากไปแล้วครับ ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มีอาจารย์ 2 ท่านที่กล่าวได้ว่า ท่านมีความสนใจปัญหาเรื่องพลังงานของประเทศมากคือ ผศ.ประสาท มีแต้ม และ ดร.สมพร ช่วยอารีย์ ทั้ง 2 ท่านได้ทำหน้าที่ในบทบาทของนักวิชาการที่ขยันขันแข็ง และตรงไปตรงมา มีการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย ลูกศิษย์ลูกหารักใคร่กราบไหว้ด้วยความเคารพ”
นายบรรจง กล่าวด้วยว่า การที่ ผบ.มท.42 ออกหนังสือถึงท่านอธิการบดี ม.อ. เสมือนเป็นการปรามบทบาทของนักวิชาการที่ทำหน้าที่ของเขา จึงมีคำถามตามมามากมาย ได้แก่ 1.ท่านกำลังละเมิดสถาบันการศึกษาอย่างรุนแรง (แม้จะใช้ภาษาการทูต แต่วิญญูชนย่อมอ่านแล้วเข้าใจเจตนาท่านดี)
2.ท่านกำลังทำตัวเกินบทบาทหน้าที่ โดยเสมือนประกาศสนับสนุนโรงไฟฟ้าถ่านหินอย่างน่าอายที่สุด ถ้าท่านคิดว่าท่านบริสุทธิ์ใจขอให้ท่านเปิดเวทีแล้วตอบคำถามของนักวิชาการ และฝ่ายที่คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ว่า ท่านมีเหตุผลใดที่สนับสนุน ถ้าท่านตอบได้ทุกคำถามถือว่าท่านได้ศึกษาหาความรู้มามากพอจึงสนับสนุนโดยบริสุทธิ์
“ถ้าท่านตอบไม่ได้ ท่านควรขอโทษท่านอธิการบดี และขอย้ายตัวเองออกนอกพื้นที่ เพราะท่านได้ทำให้กองทัพมัวหมองในกรณีดังกล่าว เพราะทำตัวไม่เหมาะสม ไม่เป็นกลาง สร้างความขัดแย้งขึ้นในพื้นที่อย่างไร้วุฒิภาวะที่จะเป็นหัวหน้าหน่วยที่สำคัญของกองทัพภาคที่ 4 ในพื้นที่ของความขัดแย้งที่คุกรุ่นใน จ.สงขลา” นายบรรจง กล่าวและเสริมว่า
3.ในฐานะคนสงขลา ในฐานะศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และในฐานะกรรมการส่งเสริมฯ ของมหาวิทยาลัย ตนขอประณามการกระทำดังกล่าวของท่านที่ละเมิดสถาบันการศึกษา และที่มีท่าทีข่มขู่บุคลากรทางวิชาการของมหาวิทยาลัยมา ณ โอกาสนี้
----------------------------------------------------------------------------------------
อ่านข่าวเกี่ยวเนื่อง
- มทบ.42 ร่อนหนังสือจี้อธิการ ม.อ.ทำความเข้าในกลุ่มค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา “ดร.สมพร ช่วยอารีย์” เจอแจ็กพอร์ต
- สื่ออิสระ จชต.จี้ทหารหยุดคุกคามทางวิชาการต่อ “ดร.สมพร” ที่ ม.อ.ปัตตานี
- เครือข่ายพลเมืองสงขลาวอน “ผบ.มทบ.42” อย่าทำเกินหน้าที่ แนะเป็นตัวกลางเปิดเวทีให้ข้อมูลโรงไฟฟ้าถ่านหิน
- เดือด! "ประสิทธิ์ชัย" ซัดทหาร “โง่บัดซบ“” หลังสั่งอธิการ ม.อ.จัดการคนต้านโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา