นครศรีธรรมราช - ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหายิงยกครัวขออำนาจศาลฝากขังผลัดแรกคุ้มกันเข้ม เมียเจอกดดันหนัก ยอมนำรถต้องสงสัยที่ใช้ก่อเหตุมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ เบื้องต้น พบพิรุธอื้อ
วันนี้ (4 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช มีความคืบหน้าในคดีประกบยิงยกครัวในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลมะม่วงสองต้น อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช พนักงานสอบสวนในคดียิงยกครอบครัว นายสุเทพ รอดสุก อายุ 29 ปี และ ด.ช.ณรงค์ฤทธิ์ รอดสุก อายุ 2 ขวบ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และ น.ส.วาสนา โสภิณ อายุ 26 ปี ภรรยาของนายสุเทพ และ ด.ญ.วิภัช รอดสุก อายุ 7 ขวบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยมีผู้ต้องหาในคดีนี้คือ นายศิริชัย หรือปุ้ม บุรินทรโกษฐ์ อายุ 30 ปี ชาวตำบลนาเรียง อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกจับกุมเมื่อ 3 วันก่อน
พ.ต.ท.นิติ บุญจันทร์ หัวพน้าพนักงานสอบสวน ได้สรุปสำนวนเบื้องต้น และได้มอบให้ พ.ต.ท.อาคม จอนนุ้ย พนักงานสอบสวนเวรฝากขัง คุมตัว นายศิริชัย หรือปุ้ม บุรินทรโกษฐ์ อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และร่วมกันพยายามฆ่า และความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ออกจากห้องควบคุมบน สภ.เมือง เพื่อนำตัวไปขออำนาจศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ฝากขังเป็นผลัดแรก สำหรับการคุมตัวผู้ต้องหารายนี้ไปฝากขังเจ้าหน้าที่โดยมีรถนำหน้า 1 คัน และตามหลังรถของผู้ต้องหาอีก 1 คัน มีกำลังเจ้าหน้าที่คุ้มกันรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้อย่างเข้มงวด ส่วนผู้ต้องหามีสีหน้าวิตกกังวล และอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด และยังคงยืนกรานปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาเช่นเดิม
ขณะที่ พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช ระบุว่าพนักงานสอบสวนเวรฝากขังได้ยื่นคำร้องขอฝากขัง และพร้อมกันนั้นได้ยื่นคำร้องคัดค้านการยื่นขอประกันตัวของผู้ต้องหา โดยมีเหตุผลคือคดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญของประชาชน เป็นคดีที่ร้ายแรงมีอัตราโทษสูง และเกรงผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานจึงขอคัดค้านการประกันตัว
ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่คุมตัว นายศิริชัย หรือปุ้ม บุรินทรโกษฐ์ ผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ไม่นานนัก ปรากฏว่า น.ส.ชาลินี ใจรังสี ภรรยาของผู้ต้องหา พร้อมด้วยทนายความ ได้นำรถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้ออีซูซุ สีเทา ทะเบียน ผก 9804 นครศรีธรรมราช โดยมี น.ส.ชาลินี เป็นผู้ครอบครอง และเจ้าของรถยนต์กระบะคันดังกล่าว ซึ่งเป็นรถยนต์กระบะต้องสงสัยในการก่อเหตุตามกล้องวงจรปิดที่บันทึกได้ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กม. มาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
โดยรถคันนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามหามาภายหลังจากพบศพในจุดเกิดเหตุอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายผู้ต้องหามากนัก ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้กดดันอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน จนกระทั่ง น.ส.ชาลินี นำรถคันนี้ตามมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบในวันนี้ โดยมี พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานนครศรีธรรมราชตรวจสอบรถยนต์ทันที เบื้องต้น รถยนต์มีสภาพใหม่ถูกล้างมาอย่างดีทั้งภายนอก และภายใน
ส่วน น.ส.ชาลินี ได้ถูกเชิญตัวทำการสอบสวนปากคำถึงประวัติการครอบครอง และการใช้รถยนต์กระบะคันดังกล่าว โดยใช้เวลาสอบสวนปากคำอยู่นานประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ทางตำรวจจะอนุญาตให้ นางชาลินี ได้เดินทางกลับไปในที่สุด ส่วนรถยนต์ยังคงตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบไว้ก่อน
ขณะที่ พ.ต.อ.อดิศักดิ์ เทพวรรณ์ ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ระบุว่า การตรวจสอบของตำรวจในเบื้องต้น พบพิรุธที่รถหลายจุด คือ มีการเปลี่ยนล้อแมกซ์ใหม่ และยางรถใหม่ทั้ง 4 เส้น และพบร่องรอยติดสติกเกอร์ใหม่เอี่ยมทั้งสองด้านของตัวถังรถ ร่องรอยน้ำยาสำหรับติดสติกเกอร์ใหม่ยังเยิ้มอยู่ในบางจุด และอ้างว่าติดสติกเกอร์หลายวันแล้ว โดยคนข้างบ้านเป็นผู้ดำเนินการติดตั้งให้
ต่อมา พ.ต.ท.สุทัศน์ สงค์สยม รอง ผกก.สส.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เชิญตัวพยานที่ น.ส.ชาลินี อ้างว่า เป็นคนข้างบ้าน และติดสติกเกอร์ให้แก่รถยนต์คันนี้มาสอบสวนอย่างละเอียด เบื้องต้น พบว่ามีทั้งที่มีความสัมพันธ์เป็นญาติ และเพื่อนบ้าน ที่ถูกอ้างว่าเป็นผู้ที่ติดสติกเกอร์รถยนต์คันนี้ แต่หลังจากที่ถูกสอบเค้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพบข้อพิรุธ ในที่สุดพยานรายนี้ได้ยอมรับว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ และไม่ได้เป็นผู้ติดสติกเกอร์ตามที่ถูกอ้าง และกลายเป็นพยานอีกรายที่ให้การมัดฝ่ายผู้ต้องหาเพิ่มอีก
พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้เดินทางไปยัง รพ.มหาราช นครศรีธรรมราช เพื่อเยี่ยมอาการของ น.ส.วาสนา โสภิณ และ ด.ญ.วิภัช รอดสุก อายุ 7 ขวบ เหยื่อที่รอดชีวิตจากการก่อเหตุ ซึ่งพบว่า ในส่วนของ น.ส.วาสนา มีอาการดีขึ้นมาก สามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้มากขึ้น ส่วน ด.ญ.วิภัช ยังมีอาการน่าเป็นห่วงโดยเฉพาะภาวะของสมองบวม
ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า คดีนี้ไม่มีความซับซ้อน ขณะนี้พยานหลักฐานมีความคืบหน้าเกือบสมบูรณ์แล้ว โดยเฉพาะภาพจากกล้องวงจรปิดก่อนถึงที่เกิดเหตุ ขณะที่ผู้รอดชีวิตได้ให้การยืนยันมัดตัวผู้ก่อเหตุไว้อย่างแม่นยำ ซึ่งไม่มีปัญหาใดๆ ส่วนการวิตกกังวลถึงญาติที่เป็นตำรวจของผู้ต้องหาจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับคดี หรือวิ่งเต้นต่างๆ นั้นยืนยันว่า ไม่สามารถทำได้แน่นอน คดีร้ายแรงเช่นนี้ไม่มีใครกล้าแน่