สุราษฎร์ธานี - จังหวัดสุราษฎร์ธานี วิกฤตหนักแล้งสุดในรอบ 40 ปี แหล่งนำดิบไม่มีน้ำสำหรับผลิตประปาชาวบ้าน 18 หมู่บ้าน ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ กว่า 5 พันครัวเรือน เดือดร้อนหนัก ในขณะที่สวนผลไม้ยืนต้นตายกว่า 500 ไร่
จากภาวะฝนทิ้งช่วงในพื้นที่ 18 หมู่บ้าน ของ ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี มาเป็นเวลานานกว่า 4 เดือน ส่งผลให้น้ำลำคลองที่มีต้นน้ำมาจากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นกว่า 8 แห่ง แห้งสนิท ทำแหล่งน้ำธรรมชาติแห้งขอด สระกักเก็บน้ำที่ทางหมู่บ้านใช้เป็นแหล่งน้ำดิบผลิตประปาไม่มีน้ำหลงเหลือ เดือดร้อนกว่า 5,000 ครัวเรือน ในเบื้องต้น ทางเทศบาลตำบลบ้านส้อง เร่งนำน้ำอุปโภคบริโภคออกแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน
ด้าน นายทนงศิลป์ ชิตรกุล นายกเทศมนตรีตำบลบ้านส้อง กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้วิกฤตรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี แหล่งน้ำดิบแห้งสนิท พืชผลการเกษตรได้รับผลกระทบหนัก สวนผลไม้จำพวกทุเรียน มังคุด เงาะ ขาดน้ำ ยืนต้นตายไปแล้วกว่า 500 ไร่ ชาวบ้านบางส่วนได้ลงขันว่าจ้างรถแบ็กโฮมาขุดเจาะบ่อหาน้ำใต้ดินเพื่อนำมารดสวนผลไม้ และพืชผลทางการเกษตร แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อขุดลึกกว่า 10 เมตร ก็ยังไม่พบน้ำ ต้องเสียค่าใช้จ่ายบ่อละกว่า 1 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้น ทางเทศบาลได้จัดซื้อท่อพีวีซี พร้อมได้ระดมชาวบ้านมาช่วยกันต่อท่อสูบน้ำมาจากคลองตาล ที่มีระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร เพื่อนำน้ำลงบ่อกักเก็บ แต่ก็ต้องใช้เวลา และเสียค่าใช้จ่ายสูง
สำหรับการแจกจ่ายน้ำให้แก่ชาวบ้าน ทางรถน้ำของเทศบาลมี จำนวน 2 คัน แต่ละวันรถน้ำจะนำน้ำออกแจกจ่ายให้ประชาชนไปตามจุดต่างๆ ซึ่งชาวบ้านก็ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น ถัง กะละมัง และถุงพลาสติกที่ขนาดบรรจุได้ประมาณ 40 ลิตร มารอรับน้ำตามจุดที่กำหนดเพื่อนำน้ำไปใช้ในครัวเรือน คาดว่าหากฝนทิ้งช่วงไปอี่ 15-30 วัน แหล่งน้ำที่มีอยู่จะแห้งขอด จะส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้น จึงเรียกร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำฝายกักเก็บน้ำเพื่อเป็นการแก้ไข และรองรับสถานการณ์ภัยแล้งในอนาคตอย่างถาวรต่อไป
จากภาวะฝนทิ้งช่วงในพื้นที่ 18 หมู่บ้าน ของ ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี มาเป็นเวลานานกว่า 4 เดือน ส่งผลให้น้ำลำคลองที่มีต้นน้ำมาจากเทือกเขาในเขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นกว่า 8 แห่ง แห้งสนิท ทำแหล่งน้ำธรรมชาติแห้งขอด สระกักเก็บน้ำที่ทางหมู่บ้านใช้เป็นแหล่งน้ำดิบผลิตประปาไม่มีน้ำหลงเหลือ เดือดร้อนกว่า 5,000 ครัวเรือน ในเบื้องต้น ทางเทศบาลตำบลบ้านส้อง เร่งนำน้ำอุปโภคบริโภคออกแจกจ่ายให้แก่ผู้ประสบภัยเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน
ด้าน นายทนงศิลป์ ชิตรกุล นายกเทศมนตรีตำบลบ้านส้อง กล่าวว่า ภัยแล้งปีนี้วิกฤตรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี แหล่งน้ำดิบแห้งสนิท พืชผลการเกษตรได้รับผลกระทบหนัก สวนผลไม้จำพวกทุเรียน มังคุด เงาะ ขาดน้ำ ยืนต้นตายไปแล้วกว่า 500 ไร่ ชาวบ้านบางส่วนได้ลงขันว่าจ้างรถแบ็กโฮมาขุดเจาะบ่อหาน้ำใต้ดินเพื่อนำมารดสวนผลไม้ และพืชผลทางการเกษตร แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อขุดลึกกว่า 10 เมตร ก็ยังไม่พบน้ำ ต้องเสียค่าใช้จ่ายบ่อละกว่า 1 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ปัญหาในเบื้องต้น ทางเทศบาลได้จัดซื้อท่อพีวีซี พร้อมได้ระดมชาวบ้านมาช่วยกันต่อท่อสูบน้ำมาจากคลองตาล ที่มีระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร เพื่อนำน้ำลงบ่อกักเก็บ แต่ก็ต้องใช้เวลา และเสียค่าใช้จ่ายสูง
สำหรับการแจกจ่ายน้ำให้แก่ชาวบ้าน ทางรถน้ำของเทศบาลมี จำนวน 2 คัน แต่ละวันรถน้ำจะนำน้ำออกแจกจ่ายให้ประชาชนไปตามจุดต่างๆ ซึ่งชาวบ้านก็ได้จัดเตรียมอุปกรณ์ เช่น ถัง กะละมัง และถุงพลาสติกที่ขนาดบรรจุได้ประมาณ 40 ลิตร มารอรับน้ำตามจุดที่กำหนดเพื่อนำน้ำไปใช้ในครัวเรือน คาดว่าหากฝนทิ้งช่วงไปอี่ 15-30 วัน แหล่งน้ำที่มีอยู่จะแห้งขอด จะส่งผลกระทบให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเพิ่มขึ้น จึงเรียกร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำฝายกักเก็บน้ำเพื่อเป็นการแก้ไข และรองรับสถานการณ์ภัยแล้งในอนาคตอย่างถาวรต่อไป