ตรัง - ศูนย์ดำรงธรรม อ.เมืองตรัง ตรวจสอบโรงหลอมเหล็กในพื้นที่ ต.บ้านโพธิ์ หลังถูกร้องเรียนว่าทำให้เกิดควันพิษ ส่งกลิ่นเหม็น และเสียงดังรบกวน เจ้าหน้าที่สั่งระงับกิจการ และรื้อถอนภายใน 30 วัน
วันนี้ (26 เม.ย.) นายเจริญธพงศ์ มาชู หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองตรัง พร้อมด้วย นายศิริชัย ชัยเพชร กำนันตำบลบ้านโพธิ์ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองตรัง ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานรับหลอมเหล็กโลหะเก่า ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 130 หมู่ที่ 5 ต.บ้านโพธิ์ อ.เมืองตรัง ซึ่งใช้ชื่อว่า “ชวนโลหะ” โดยมี นายชวน จันด้วง เป็นเจ้าของ แต่ไม่มีใบอนุญาตรับรองจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง อีกทั้งยังมีผลกระทบจากการดำเนินการหลอมเหล็กเก่า ทำให้ชาวบ้านพื้นที่บริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนจากควันพิษ มีเขม่าควันฟุ้งกระจายจากการกลึงเหล็ก ส่งกลิ่นเหม็น และเสียงดังรบกวนจนก่อให้เกิดมลพิษ ส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกาย และจิตใจ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก ทำให้มีการรวมตัวกันร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองตรัง
นายเจริญธพงศ์ มาชู หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองตรัง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบในครั้งนี้ พบการประกอบกิจการโรงหลอมเหล็กที่ไม่มีใบอนุญาต จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง โดยผู้ประกอบการได้เปิดกิจการหลอมเหล็กมานานประมาณ 2 ปีกว่าแล้ว ก่อให้เกิดมลพิษ และเกิดอันตรายต่อสุขภาพ ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน โดยศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองตรัง ก็ได้เจรจากับผู้ประกอบการรายดังกล่าว ด้วยการขอให้หยุดกิจการ และรื้อถอนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับจากวันที่บันทึกการตรวจสอบ อย่างไรก็ตาม ผลเจรจาปรากฏว่า ผู้ประกอบการโรงหลอมเหล็กแห่งนี้ได้ยินยอมที่รื้อถอนโรงงานแต่โดยดี เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่
ด้าน นายชวน จันด้วง ผู้ประกอบการรายนี้ได้พูดตัดพ้อน้อยใจเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ตนเองต้องไปกู้ยืมเงินมาลงทุนกิจการดังกล่าวมากถึง 600,000 บาท โดยมีการหลอมเหล็กอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง ตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง ด้วยการไปหาซื้อวัสดุมาจากร้านรับซื้อของเก่า ก่อนนำมาหลอมละลายแล้วใส่แม่พิมพ์ จึงมีรายได้จากอาชีพนี้เพียงอาชีพเดียวในการหาเลี้ยงครอบครัว และส่งลูกเรียนอีก 2 คน ซึ่งหากรื้อถอนกิจการนี้แล้วตนเองก็คงต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน จึงอยากขอความเห็นใจไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้อะลุ่มอล่วยกันบ้าง และก่อนหน้านี้ ก็ได้มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง เข้ามาตรวจสอบแล้ว และบอกว่า มลพิษที่เกิดขึ้นไม่รุนแรงมากนัก พร้อมขอให้ตนไปทำความเข้าใจต่อชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และจ่ายค่าปรับเป็นเงินประมาณ 20,000 บาท โดยไม่นึกว่าท้ายสุดจะต้องมาเจอคำสั่งให้หยุดกิจการ และรื้อถอนโรงงาน
