xs
xsm
sm
md
lg

กอ.รมน.แจงผลงานรอบ 6 เดือนดับไฟใต้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
 
ปัตตานี - กอ.รมน.ชี้แจงสรุปผลการปฏิบัติงานในรอบ 6 เดือน ตั้งแต่ตุลาคม 2558-มีนาคม 2559 เผยภาพรวมมีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประชาชนมีความเชื่อมั่น และมีทัศนคติเชิงบวกต่อนโยบายของรัฐสูงขึ้น ร้อยละ 85.76

วันนี้ (24 เม.ย.) พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พร้อมด้วยเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ร่วมกันชี้แจงสรุปผลการปฏิบัติงานของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าในรอบ 6 เดือน ตั้งแต่ ตุลาคม 2558-มีนาคม 2559 โดยเปิดเผยว่า ผลจากนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติที่มุ่งเน้นการควบคุมพื้นที่ การขับเคลื่อนโครงการ ประชารัฐร่วมใจ สร้างอำเภอสันติสุข และโครงการพาคนกลับบ้าน ทำให้สถานการณ์ในภาพรวมมีพัฒนาการไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประชาชนมีความเชื่อมั่น และมีทัศนคติเชิงบวกต่อนโยบายของรัฐสูงขึ้น ร้อยละ 85.76 และเข้ามามีส่วนรวมในการแก้ไขปัญหามากยิ่งขึ้น สรุปผลการปฏิบัติงานที่สำคัญดังนี้

ด้านการรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน สามารถควบคุมตัวบุคคลเป้าหมาย 126 ราย (มีหมาย ป.วิอาญา 6 ราย หมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 17 ราย และผู้ต้องสงสัย 103 ราย) ตรวจยึดอาวุธปืนได้ 49 กระบอก (ปลย.เอ็ม16/9 กระบอก ปลย.เอเค102/1 กระบอก ปลย.เอเค 47/8 กระบอก ปลซ./17 กระบอก ปพ./10 กระบอก และอาวุธอื่นๆ 4 กระบอก) เครื่องกระสุน และยุทโธปกรณ์อื่นๆ หลายรายการ รวมทั้งได้ตรวจพบฐานปฏิบัติการ 7 แห่ง สามารถทำลายความพยายามในการลอบวางระเบิด 38 ครั้ง (เก็บกู้วัตถุระเบิด 11 ครั้ง และตรวจพบการขุดเจาะหลุมระเบิด 27 ครั้ง) นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมพื้นที่ด้วยการบูรณาการกำลังร่วม 3 ฝ่าย และกำลังภาคประชาชน ทำให้สามารถป้องกันการก่อเหตุร้ายขนาดใหญ่ในเขตเมืองเศรษฐกิจได้ โดยมีกำลังภาคประชาชนออกมาร่วมรักษาความปลอดภัยเฉลี่ยวันละ 26,000 คน

การจัดการกับปัญหาภัยแทรกซ้อนด้วยการติดตามจับกุมตรวจยึดของกลาง และสิ่งผิดกฎหมายจากเครือข่ายยาเสพติด น้ำมันเถื่อน ป่าไม้ สินค้าหลบหนีภาษี บ่อนการพนัน และเครือข่ายค้ามนุษย์ในพื้นที่ 101 ครั้ง สามารถจับกุมผู้ต้องหา/เชิญตัวผู้ต้องสงสัย 514 คน ตรวจยึดของกลาง ยาบ้า 3,202,580 เม็ด ไอซ์10.4 กิโลกรัม เฮโรอีน 20.7 กิโลกรัม กัญชาอัดแท่ง 572 กิโลกรัมพืชใบกระท่อม 8,234 กิโลกรัม อาวุธปืน 17 กระบอก ยึดคืนผืนป่า 319 - 2 = 20 ไร่ และตรวจยึดของกลาง (ไม้ซุง/ไม้แปรรูป 2,715 รายการ) น้ำมันหลบเลี่ยงภาษี 78,870 ลิตร รวมทั้งยังสามารถตรวจยึดของกลางเป็นเงินบาทไทย และเงินสกุลต่างประเทศกว่า 91 ล้านบาท ส่งผลให้สามารถตัดการสนับสนุนการก่อเหตุร้ายแรงในพื้นที่ได้เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังได้ดำเนิน โครงการญาลันนันบารู มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 4,665 คน ปัจจุบัน มีสมาชิกรวม 67,288 คน และมีสมาชิกผ่านการบำบัดฟื้นฟูยาเสพติด ณ ปอเนาะญาลันนันบารู บ้านเกาะแลหนัง ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา แล้ว 228 คน

ด้านการพัฒนาตามศักยภาพของพื้นที่ และคุณภาพชีวิตประชาชน โดยขับเคลื่อนผ่านโครงการประชารัฐร่วมใจ สร้างอำเภอสันติสุข ด้วยการจัดชุดเยี่ยมสำรวจข้อมูล 421,140 ครัวเรือน เพื่อทราบความต้องการ และความเดือดร้อน และบูรณาการ/ปรับแผนงาน/โครงการและงบประมาณ ของส่วนราชการ ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างแท้จริง โดยมีผลการปฏิบัติที่สำคัญดังนี้

- ขับเคลื่อนโครงการตามความต้องการของชุมชน 2,788 โครงการ งบประมาณ 3,458 ล้านบาทเศษ เป็นโครงการต่อเนื่องจากปี 2558 ดำเนินการแล้ว 2,432 โครงการ งบประมาณ 3,144 ล้านบาท คงเหลือ 305 โครงการ งบประมาณ 314 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นไตรมาส 3 สำหรับโครงการพัฒนาตามความต้องการรายครัวเรือน ตามโครงการประชารัฐร่วมใจฯปัจจุบัน อยู่ระหว่างการดำเนินการที่สำคัญ เช่น การสร้างบ้านให้ราษฎรที่ประสบปัญหาวาตภัยในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส 50 ครัวเรือน ดำเนินการแล้วเสร็จ 22 หลัง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 28 หลัง รวมทั้งยังได้ทำการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยให้ผู้ได้รับผลกระทบผู้ยากไร้ และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม 1,051 หลัง ปัจจุบัน อยู่ระหว่างดำเนินการ นอกจากนี้ ได้แก้ไขปัญหาที่ดินทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติ บูโด-สุไหงปาดี ตามโครงการบูโดรักษ์สันติ สามารถแจกเอกสารสิทธิที่ดินทำกินไปแล้ว 1,083 แปลง ทำให้ประชาชนมีความพึงพอใจ และสามารถอยู่ร่วมกับพื้นที่ป่าได้อย่างลงตัว

- การก่อสร้าง และซ่อมแซมถนน 37 เส้นทาง ระยะทาง 148 กิโลเมตร งบประมาณ 1,056 ล้านบาทเศษ โดยใช้ส่วนผสมยางพาราสดประมาณ 812.9 ตัน ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยหน่วยทหารช่างจาก กองทัพภาคที่ 1-4 และกรมการทหารช่าง ภายใต้หลักคิดพื้นฐานที่สำคัญคือ “การสร้างถนนในใจพี่น้องประชาชน”

- การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ด้วยการจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชน 3 กลุ่ม ส่งเสริมการเลี้ยงไก่เนื้อ และสร้างโรงงานแปรรูปไก่ 1 โรง นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งโรงงานแปรรูปยางพาราต้นแบบ 2 โรง ในพื้นที่อำเภอยะหาและอำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา สามารถรับซื้อน้ำยางสดจากเกษตรกรในราคาสูงกว่าท้องตลาด กิโลกรัมละ 1-2 บาท ได้วันละ 10 ตัน

- ด้านสาธารณสุข โดยศูนย์แพทย์ทหารบกจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยแพทย์กระทรวงสาธารณสุข และกลุ่มพยาบาลรักษ์บ้านเกิด เข้าไปเติมเต็มในมิติสุขภาพ ทั้งบริการตรวจสุขภาพ บริการทันตกรรม และช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส และผู้พิการให้ได้รับโอกาสในการบริการทางแพทย์อย่างทั่วถึง โดยในห้วงเวลามีผู้เข้ารับบริการ 53,400 ราย

- ด้านการศึกษา ศาสนา และศิลปวัฒนธรรมเ น้นจัดระบบการศึกษาให้สอดคล้องต่ออัตลักษณ์ท้องถิ่น และวิถีชุมชน ทั้งด้านกายภาพ และมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วยการจัดกิจกรรม “ติวข้น...ค้นฝัน” สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 3,099 คน สามารถสอบเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา ในรอบสอบตรงได้ 1,466 คน รวมทั้งได้มอบทุนการศึกษาให้นักเรียนที่มีผลการเรียนดี ฐานะยากจน 14,704 ทุน งบประมาณ 257.822 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้สนับสนุนงบประมาณ 96 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งห้องเรียนพิเศษ คณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ ( Scince And Mathematics Program) ให้แก่โรงเรียนเอกชนสอนศาสนา 18 โรงเรียน เพื่อเพิ่มทักษะทางการศึกษา ให้มุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์มากขึ้น

สำหรับการสนับสนุนด้านศาสนาและศิลปวัฒนธรรม มุ่งเน้นให้พี่น้องประชาชนประกอบศาสนกิจตามหลักศรัทธา ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรม ด้วยการสนับสนุนงบประมาณให้พี่น้องประชาชนเดินทางแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย 430 คน และเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ ณ ประเทศซาอุดีอาระเบีย 230 คน ทำให้พี่น้องประชาชนได้ประกอบศาสนกิจตามหลักความเชื่อ และศรัทธาที่ถูกต้อง สามารถนำมาขยายผลสร้างภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการบิดเบือนคำสอนทางศาสนาที่นำมาสู่การใช้ความรุนแรงในพื้นที่

- ด้านการอำนวยความยุติธรรม ด้วยการบังคับใช้กฎหมายตามหลักนิติธรรม ลดระดับการใช้กฎหมายพิเศษ และใช้กฎหมายปกติเข้าติดตามจับกุมด้วยงานข่าวที่แม่นยำ และใช้หลักนิติวิทยาศาสตร์มากขึ้น ปฏิบัติด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้ และไม่ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน ในทุกขั้นตอนการปฏิบัติภายใต้การมีส่วนร่วมของผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นโดยในห้วงเวลา มีคดีความมั่นคงเกิดขึ้น 178 คดี และมีความคืบหน้าคดีสำคัญ ดังนี้

1.คดีคนร้ายเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ร้อย ทพ.4816 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2559 สามารถตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากปลอกกระสุนปืน ตรวจสอบสารพันธุกรรม (DNA) ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ตลอดจนวัตถุพยานอื่นๆ จนนำไปสู่การขออนุมัติออกหมายจับ ป.วิ อาญา ได้ 12 คน ควบคุมตัวได้แล้ว 3 คน และควบคุมตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 19 คน

2.คดีคนร้ายปล้นแย่งชิงรถยนต์ราษฎรในพื้นที่อำเภอบันนังสตาจังหวัดยะลา และนำไปประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่อง นำไปจอดหน้าบริษัทพิธานพานิชย์ ในเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 5เมษายน 2559 สามารถรวบรวมหลักฐานออกหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 14 คน และควบคุมตัวได้แล้ว 4 คน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

3.คดีคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณหน้าสถานีรถไฟจะนะ จังหวัดสงขลา สามารถรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย และวัตถุพยานอีกหลายรายการ ซึ่งจากการตรวจสอบพฤติกรรมพบว่า เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ และระดับปฏิบัติการมีหมายจับ ป.วิอาญา รวมกัน 7 หมาย และมีส่วนเกี่ยวข้องต่อสถานการณ์ความรุนแรงหลายเหตุการณ์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผล และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนี้ ยังให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ โดยรับเรื่องราวร้องทุกข์ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด 448 เรื่อง แก้ปัญหาได้ข้อยุติแล้ว 133 เรื่อง ให้การเยียวยาทั้งร่างกาย และทรัพย์สิน 307 ราย รวมทั้งได้จัดกิจกรรมสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ 780 ราย อบรมให้ความรู้ด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ 7,100 คน

ด้านการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งโดยสันติวิธี เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูล และหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยการสร้างความเข้าใจ และเปิดเวทีให้กลุ่มต่างๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาเชิงสันติวิธี รณรงค์ให้ยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยขับเคลื่อนผ่านเครือข่ายองค์กรต่างๆ ในพื้นที่ ผ่านเวทีสาธารณะและกิจกรรมต่างๆ 206 ครั้ง และเปิดพื้นที่ให้ผู้เห็นต่างจากรัฐได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาตามโครงการพาคนกลับบ้าน โดยในรอบ 6 เดือน มีผู้เข้ารายงานตัวแสดงตนแล้ว 1,841 คน สรุปยอดผู้เข้ารายงานตัวทั้งหมดถึงปัจจุบันรวม 3,837 คน และยังไม่ออกมารายงานตัว 1,904 คน ซึ่งจะดำเนินการในห้วงต่อไป นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมรณรงค์ต่อต้าน และประณามการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีกลุ่มโจรบุกเข้ายึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง มีผู้นำศาสนา และประชาชนออกมาต่อต้าน และประณามกว่า 52,000 คน
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น