เลขาฯ คสช.ส่งมุสลิมไปประกอบพิธีฮัจญ์ รวมปีนี้ไป 10,400 คน พร้อมพัฒนาความสัมพันธ์กับซาอุฯ บอกเจรจาสันติภาพไฟใต้ต้องให้เกิดสันติสุข ยันมีแผนแล้วต้องมีความชัดเจนเรื่องที่คุย
วันนี้ (27 ส.ค.) ที่ท่าอากาศยานนราธิวาส อ.เมือง จ.นราธิวาส เมื่อเวลา 08.00 น. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รองผู้บัญชาการทหารบก (รอง ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีส่งและอำนวยพรผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ในเทศกาลฮัจญ์ประจำปี 2557 ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย โดยมีนายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้นำศาสนา ข้าราชการ เจ้าหน้าที่และผู้แสวงบุญเข้าร่วมพิธี โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีญาติและประชาชนให้ความสนใจมารอส่งผู้แสวงบุญเป็นจำนวนมาก
พิธีในวันนี้ถือเป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ 2 เที่ยวบิน รวมผู้แสวงบุญจำนวน 575 คน แบ่งเป็นเที่ยวบินแรก 281 คน ออกเดินทางในเวลา 11.15 น. และเที่ยวบินที่ 2 ออกเดินทางในเวลา 16.55 น. จำนวน 294 คน รวมถึงยังได้อำนวยความสะดวกการเดินทางที่สนามบินอื่นๆ ประกอบด้วย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจัดเที่ยวบิน 144 เที่ยวบิน จำนวน 5,040 คน, ท่าอากาศยานภูเก็ต จำนวน 14 เที่ยวบิน จำนวน 832 คน และท่าอากาศยานหาดใหญ่ 8 เที่ยวบิน จำนวน 2,368 คน
พล.อ.อุดมเดชให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับพิธีในวันนี้เป็นการส่งผู้แสวงบุญไปประกอบพิธีฮัจญ์ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้การสนับสนุน เพื่ออำนวยความสะดวกให้พี่น้องชาวมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้การเดินทางทั่วประเทศของพี่น้องชาวมุสลิม มีประมาน 10,400 คน สำหรับในภาคใต้ มีจำนวน 577 คน ซึ่งทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ให้ความอนุเคราะห์ และให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะยังเป็นพื้นที่ที่ยังมีความรุนแรงอยู่ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เป็นวันแรกที่จะส่งพี่น้องมุสลิม โดยจะเดินทางทั้งหมด 2 เที่ยวรอบที่ท่าอากาศยานนราธิวาส แบ่งเป็นช่วงเช้า 1 เที่ยว และช่วงบ่าย 1 เที่ยว
พล.อ.อุดมเดชกล่าวต่อว่า สำหรับการเดินทางการไปประกอบพิธีฮัญจ์นั้นจะอยู่ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ประมาณ 45 วัน เพื่อประกอบพิธีกรรมตามขั้นตอนต่างๆ ทั้งนี้ทางเราจะจัดเตรียมความพร้อมต่างๆ ไม่ว่าจะจัดเตรียมชุดแพทย์ เพื่อดูแลสุขภาพความปลอดภัย อีกทั้งยังได้มีการประชุมกรรมการในเรื่องนี้ โดยนายอภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดความรอบคอบ ความมั่นใจในการดำเนินการ จนพบปีนี้ เป็นไปด้วยความเรียบอย่างดียิ่ง พร้อมกันนั้นยังได้ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ และได้รับการอนุเคราะห์จากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ในการอำนวยความสะดวกในเรื่องเที่ยวบิน โดยตนคิดว่าทางภาคส่วนราชการควรให้งบเพิ่มเติมบ้าง ทั้งนี้ทาง คสช.ก็ยินดีสำหรับในส่วนงบประมานต่างๆ ด้วย
เมื่อถามว่า ทาง พล.อ.ประยุทธ์ได้ส่งข้อความอะไรฝากมาหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ท่านได้ส่งความปรารถนาดีมาให้ และอยากให้พี่น้องที่ไปได้รับบุญเต็มอิ่ม และมีความสะดวก และปลอดภัย
เมื่อถามถึงมีการปรับระดับลดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศซาอุดีอาระเบีย หลังเรียกอุปทูตกลับประเทศจะส่งผลกระทบต่อประชาชนมุสลิมไทยที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า ยังไม่มีอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ และไม่น่าห่วงใยแต่อย่างใด โดยทางกระทรวงการต่างประเทศชี้แจงแล้วที่อาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนกับข่าวที่เผยแพร่ไปออกไป แต่ตนคิดว่าในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น ทาง คสช.ได้เน้นให้มีความสัมพันธ์ที่ดีและต้องพัฒนาให้ดีขึ้น
เมื่อถามถึงการแก้ไขนโยบายภายสัปดาห์ที่ทางนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะไปพูดคุยเจรจาสันติภาพ ได้วางแผนหรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า การเจรจาสันติภาพนั้นทางหัวหน้า คสช.ชี้แจงในรอบเดือนต่างๆ ที่ผ่านมาโดยตลอด แต่ในตอนนี้ท่านชี้แจงไว้ว่าขอให้มั่นใจและสบายใจว่าการปฏิบัติต่างๆ ไม่ว่าจะแก้ไขในระดับพื้นที่ก็ต้องดำเนินการต่อไป แต่สิ่งที่จะทำต่อไป คือ การพูดคุยเจรจาเพื่อให้เกิดสันติสุข
“ผมคิดว่าจำเป็นที่จะต้องปรับในเรื่องรายละเอียด เพื่อให้การทำงานห้วงต่อไปเกิดผลสำเร็จ ซึ่งในส่วนกลุ่มที่จะพูดคุยทั้งระดับบน และระดับล่างต้องมีความชัดเจน และวางคณะทำงานต่างๆต่อไป ทั้งนี้ก็ได้เตรียมการไว้แล้ว แต่ในขั้นนี้ผมจะไม่อธิบายรายละเอียดใดๆ มากนัก เพราะเป็นเพียงการเริ่มปรับมาตรการในการปฏิบัติงาน แต่ผมคิดว่าต้องเกิดประโยชน์มากสุด และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจะเรียนให้ทราบแน่นอน” พล.อ.อุดมเดชกล่าว