ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ชี้ ก.ล.ต. “บมจ.บ้านปู” เปิดระดมทุนด้วยการขายหุ้นครั้งใหม่ 648.49 ล้านหุ้น เป็นเหมือนการดิ้นเฮือกสุดท้ายในยุดที่ทั่วโลกกำลังบอกลาพลังงานถ่านหินที่มากมลพิษ ขณะที่ “ก.ล.ต.” ก็เปิดไฟเขียนถือว่าขัดแย้งต่อหลักการองค์กรธรรมาภิบาล
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน เปิดเผยว่า จากกรณีผลกระทบจากถ่านหินซึ่งเป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ และมีความเห็นร่วมกันว่าจะต้องหยุดการใช้เชื้อเพลิงชนิดนี้ เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน
โดยเฉพาะปรากฏการณ์ที่สำคัญ คือ การประชุมร่วมกันของ 195 ประเทศทั่วโลกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ในวาระว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กรุงปารีส และได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการลดโลกร้อน อันถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่สำคัญของโลก และก่อนหน้านี้ ได้มีปฏิบัติการเพื่อหยุดโรงไฟฟ้าถ่านหินมาแล้วในหลายประเทศสำคัญของโลก ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา หรือแม้กระทั่งในประเทศจีน
เวลานี้ถ่านหินได้กลายเป็นภัยคุกคามของโลก จนก่อให้เกิดความวิตกกังวลทั้งในวงการวิทยาศาสตร์ และผู้นำหลายประเทศ รวมถึงปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมากประการหนึ่ง คือ การเคลื่อนไหวในวงการการเงินทั่วโลกที่มีต่อถ่านหิน ด้วยการไม่สนับสนุนทุนให้แก่กิจการถ่านหิน
เริ่มจากรัฐสภาประเทศนอรเวย์ ที่ได้มีมติให้กองทุนแห่งชาติซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ไม่สนับสนุนกิจการที่เกี่ยวข้องต่อถ่านหินมากกว่าร้อยละ 30 ตามมาด้วยกองทุนมหาวิทยาลัยในยุโรปหลายแห่ง รวมถึงสถาบันการเงินอื่นๆ โดยเฉพาะประเทศในสหภาพยุโรป ได้แสดงจุดยืนไม่สนับสนุนกิจการถ่านหิน ซึ่งมีผลอย่างสำคัญในการทำลายสิ่งแวดล้อม ชีวิตมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“ดังนั้น ถ่านหินจึงกลายเป็นความน่ารังเกียจบนโลกใบนี้ แต่รัฐบาลไทยไม่สนใจวิทยาศาสตร์ ไม่สนใจปฏิบัติการหยุดถ่านหินที่เกิดขึ้นทั่วโลก กลับประกาศเดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอีกหลายโรง โดยเฉพาะในภาคใต้” นายประสิทธิ์ชัย กล่าวและเสริมว่า
อย่างไรก็ตาม วิบากกรรมของนายทุนถ่านหินยังคงดำรงอยู่ และจะหนักขึ้นในอนาคตข้างหน้า เห็นได้จากการล้มละลายของบริษัทถ่านหินที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ เพราะสถาบันการเงินทั่วโลกได้ร่วมแรงกันไม่ให้ทุนสนับสนุนกิจการถ่านหินอีกต่อไป เพราะตระหนักต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้น รวมถึงจริยธรรมความรับผิดชอบที่พึงมีต่อโลกใบนี้ ซึ่งตรงข้ามโดยสิ้นเชิงต่อตลาดหลักทรัพย์ไทย
นายประสิทธิชัย กล่าวอีกว่า ถ่านหินกำลังจะสิ้นอายุอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เพราะเป็นความเห็นร่วมของโลก บริษัทที่ลงทุนด้านถ่านหินจึงต้องดิ้นรนในห่วงโซ่แห่งความตายในยุคสุดท้าย จึงต้องคิดหาทางสร้างกิจกรรมที่ใช้ถ่านหินขึ้นมาให้ได้
“เมื่อเป็นเช่นนี้ท่าทีของรัฐบาลรัฐบาลจึงสนับสนุนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอย่างเต็มที่ ด้วยการใช้มาตรา 44 ซึ่งนอกจากนี้ สิ่งที่บริษัทถ่านหินประสบ คือ หาแหล่งเงินกู้ไม่ได้ การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์จึงเป็นหนทางที่สำคัญ สอดรับต่อการอนุญาตของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ให้มีการะดมทุนของบริษัท บ้านปู”
ทั้งนี้ ข้อมูลเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2559 ของ ก.ล.ต.ระบุว่า บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีที่ปรึกษาทางการเงิน คือ บล.ธนชาต จำกัด (มหาชน) บล.บัวหลวง จำกัด (มหาชน) บริษัท เดอะ ควอนท์ กรุ๊ป จำกัด มีการระดมทุนครั้งใหม่ด้วยการขายหุ้นสามัญ จำนวน 648.49 ล้านหุ้น
โดย (1) เสนอขายผู้ถือหุ้น บมจ.บ้านปู ที่มีสิทธิได้รับจัดสรรหุ้นตามสัดส่วนการถือหุ้นจำนวนไม่เกิน 210 ล้านหุ้น (2) เสนอขายประชาชนเป็นการทั่วไป จำนวนไม่เกิน 438.49 ล้านหุ้น และรวมถึงหุ้นที่เหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของ บมจ.บ้านปู ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นตาม (1) ทั้งนี้ ได้รับการอนุญาตจาก ก.ล.ต.เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2559
“การระดมทุนจำนวนมหาศาลนี้เป็นสัญญาณของการยืดอายุให้บ้านปูมีน้ำเลี้ยงสำหรับการดำเนินกิจการถ่านหินที่มีผลทำลายโลกไปได้อีกยาวไกล”
นายประสิทธิชัย กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การพูดถึงภาวะโลกร้อน การส่งเสริมธรรมาภิบาลของ ก.ล.ต.จึงไร้ความหมาย เมื่อปล่อยให้กิจการถ่านหิน ซึ่งมีงานวิจัยว่าเป็นอันตราย โดยเฉพาะงานวิจัยของคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาล หรือ IPCC งานวิจัยมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยสตุดการ์ด เป็นต้น
“เพราะการส่งเสริมการลงทุนชนิดนี้เท่ากับเป็นการส่งเสริมการทำลายสิ่งแวดล้อม ทำลายธรรมาภิบาลการประกอบกิจการที่ดี คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงควรตั้งคำถามต่อตัวเองว่า สิ่งที่เขียนไว้ควรลบทั้งไปหรือไม่ พวกท่านอาจไม่สนใจการเคลื่อนไหวของประชาชนชน แต่ควรตั้งสติมองทุกอย่างด้วยข้อเท็จจริง ลองศึกษาปรากฏการณ์ของสถาบันการเงินทั่วโลกว่า เขามีความกล้าหาญทางจริยธรรมขนาดไหน”
ผู้ประสานงานเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหินถ่านหิน กล่าวว่า สังคมไทยเดินเข้ามาสู่วังวนของก้นหอยแห่งความตาย เพราะผู้ถืออำนาจรัฐหน้ามืดตามัว สถาบันการเงินขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม เป็นยุคที่พ่อค้านายทุนครองเมืองโดยแท้ คงมีแต่ประชาชนเท่านั้นที่ต้องลุกขึ้นมาปกป้องสิ่งแวดล้อมจากหายนะถ่านหิน
“หลังจากนี้คงต้องจับตาดูว่า จะมีสถาบันการเงินไหน หรือนักลงทุนคนใดเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทบ้านปูบ้าง ขอย้ำเตือนไว้ว่า ท่านคือผู้มีส่วนร่วมในการสร้างฆาตกรเงียบที่ชื่อว่าถ่านหิน สังคมโลกจะรู้จักชื่อของท่านในลักษณะนี้อย่างแน่นอน” นายประสิทธิชัย กล่าวทิ้งท้าย