รายงาน...ทีมข่าวเฉพาะกิจ
----------------------------------------------------------------------------------------
การผลักดัน “โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือขนถ่ายถ่านหิน และโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 2,000 เมกะวัตต์” อันจัดว่าเป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่โตอย่างมากของ “การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)” ในพื้นที่ ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา
ณ เวลานี้ได้ทำให้พื้นที่ของ อ.เทพา ที่เคยเงียบสงบตามวิถีชีวิตเรียบง่ายของผู้คน ซึ่งหยัดยืนอยู่บนฐานเกษตรกรรม และประมง มีอันต้องเปลี่ยนแปลงไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ล่าสุด ได้เกิดเหตุการณ์คุกคามต่อชีวิตของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอย่างต่อเนื่อง
ผืนแผ่นดินเทพา แม้จะเป็นส่วนหนึ่งของ “จังหวัดชายแดนภาคใต้” อันถูกขีดเส้นให้เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น แต่ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นกับสัมผัสได้ถึงสันติสุขเสมอมา ทว่า เวลานี้กลับพลิกผันกลายเป็นเพราะเกิดไฟชนิดใหม่ ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่า “ไฟถ่านหิน” ได้เข้าไปเติมเชื้อให้แก่ “ไฟใต้” เสียแล้ว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มี.ค.2559 ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายยิงปืนใส่บ้านพักของ นายสุกาโน เหมนคร ส.อบต.ปากบาง อ.เทพา หนึ่งในแกนนำคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ กฟผ.ต้องการปักหมุดให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ผู้น้องชายของ นายดิเรก เหมนคร ผู้ประสานงาน “เครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ” หรือเรียกขามตามภาษาคนมลายูว่า “เปอมาตามาส”
เหตุเกิดในขณะที่ นายสุกาโน นั่งพักผ่อนอยู่กับครอบครัวภายในบ้าน โชคดีที่กระสุนที่พุ่งทะลุประตูบ้านเข้ามาไม่โดนใครได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต คาดการณ์ว่า เป็นการยิงปืนเพื่อ “ข่มขู่” ให้ครอบครัวนี้ รวมถึงคนในพื้นที่หยุดคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน
“ก่อนเกิดเหตุมีคนบางกลุ่มมาห้ามเรา พร้อมเสนอผลประโยชน์บางอย่างให้เพื่อไม่ให้เราเคลื่อนไหวต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน” นี่คือเสียงสะท้อนจากผู้นำครอบครัวผู้ถูกลอบกัด
แต่ทั้ง นายสุกาโน และนายดิเรก ได้ปฏิเสธรับข้อเสนอ และยังคงเดินหน้าคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ.อย่างต่อเนื่องต่อไป
ย้อนไปก่อนหน้านี้ ก็เคยมีเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นมาแล้ว โดยเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2558 นายมิด ชายเต็ม พร้อมด้วยชาวบ้านเครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เทพา โดยกล่าวหาว่า ถูก นายเกษม รามัญเศษ นายก อบต.ปากบาง อ.เทพา คุกคามด้วยการบุกเข้ามาถีบประตูบ้าน และข่มขู่ด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้าในยามวิกาล
นั่นเป็นภาพตัวอย่างที่แสดงถึงการข่มขู่คุกคามชาวบ้านว่ามีมาอย่างต่อเนื่อง โดยสาเหตุที่ผู้คนเชื่อ และเล่าขานกันหนาหูก็มาจากการเคลื่อนไหวคัดค้านการโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ.นั่นเอง
ทั้งนี้ ในส่วนกรณีที่เกี่ยวข้องต่อ นายก อบต.ปากบาง นั้นเป็นที่รับรู้กันว่า เขาเป็นผู้สนับสนุนให้สร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินคนสำคัญที่ทาง กฟผ.ไว้วางใจมาก โดยขณะนี้คดีความยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในชุมชนในพื้นที่ อ.เทพา จ.สงขลา ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นผลมาจากความพยายามผลักดันโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของ กฟผ.ที่ใช้วิธีการทุกรูปแบบเพื่อผลักดันโครงการให้เกิดขึ้น โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบที่เกิดต่อชุมชน
ความจริงแล้วสถานการณ์ความขัดแย้งใน อ.เทพา ขณะนี้ ต้องถือว่ามีลักษณะไม่แตกต่างไปจากในอดีต เมื่อครั้งที่ปตท. การเดินหน้าเพื่อผลักดันการก่อสร้าง “โครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย”อีกหนึ่งเมกะโปรเจกต์ในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็นผืนแผ่นดินที่อยู่ติดกัน และก็เป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เช่นเดียวกัน
สิ่งที่น่ากังวลคือ กระบวนการของฝ่ายผลักดัน และสนับสนุนเมกะโปรเจกต์ดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนของรัฐมักใช้วิธี “ให้อามิสสินจ้างแก่ผู้นำชาวบ้าน” บางกลุ่ม เพื่อไปดำเนินการเคลื่อนไหวด้วยวิธีการใดๆ ก็แล้วแต่ เพื่อที่จะสร้างความหวาดกลัวไม่ให้ชาวบ้านเข้าร่วมต่อการเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการ
ข้อมูลจากผู้คร่ำหวอดการเคลื่อนไหวภาคประชาชนใน จ.สงขลา ชี้ว่า ขณะนี้ทราบว่ามีทีมงานที่เคยเคลื่อนไหวด้านมวลชนให้แก่โครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย ได้เข้าไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ อ.เทพา แล้วหลายคน คาดว่าคนพวกนี้มีส่วนในการวางแผน และจัดตั้ง “กลุ่มอันธพาล” หรือ “กลุ่มผู้มีอิทธิพล” บางคนให้คอยข่มขู่ชาวบ้านให้หวาดกลัว
“เชื่อว่าภาคประชาสังคมอยากเรียกร้องให้ฝ่ายความมั่นคงเข้าไปติดตามในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ก่อนที่จะเกิดความสูญเสียตามมามากกว่าที่เป็นอยู่ แต่ ณ เวลานี้ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายความมั่นคงยังเป็นที่พึ่งของประชาชนได้หรือไม่”
อีกทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตว่า สถานการณ์ใน อ.เทพา กำลังสอดคล้องต่อการพูดคุยของบรรดากลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นถึงทีมผู้บริหารระดับสูงใน กฟผ.ผ่านแอปพลิเคชัน LINE ซึ่งอ้างว่าเป็นบทสนทนาที่หลุดมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และได้ถูกนำมาเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ในหน้า “เพจขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” ทางเฟซบุ๊ก โดยบทสนทนาดังกล่าวมีเนื้อหาว่า…
“หลัง ค.3 ที่เทพาเสร็จ ผมกับ ท่านธรรมยุทธ และขอ พี่พล มาดูแลตามเดิม จะขอทำ ทับสะแก ต่อ และจะให้ผ่าน ค.3 ให้ทันสิ้นปี 59 (ประมากรกฎาคม ตามรอยเทพา)…
“จากการสืบ และประเมินข้อมูลพื้นที่ และดูกำลังสามารถทำได้ครับ จะเป็นของขวัญก่อน พี่ และ พวกผม จะเกษียณ ฝากเป็นประวัติศาสตร์ไว้ใน กฟผ. หากพี่เห็นด้วย…
“หากให้ทำช่วย กำชับให้หน่วยงานที่จะมาช่วยให้การสนับสนุนบุคคลที่ขอตัวมาช่วยงานง่ายๆ ด้วยครับ ที่เทพา กว่าจะได้เหนื่อยมาก บางครั้งต้องต่อว่า และยอมให้โกรธพวกผม และขอร้องให้ เผ่าพงษ์ อยู่ห่างๆ…
“การประเมิน และเตรียมข้อมูลที่ ทับสะแก ผมทำคู่ขนานไปบ้างแล้ว ทั้งเรื่องการเตรียม เหตุผลทำไมถึงต้องถ่านหินที่ทับสะแก (ขอให้ เริงชัย พิจารณา) ข้อมูลมวลชนที่ทำไว้เดิม…
“โดย ท่านธรรมยุทธ และ อชค. บางส่วน ข้อมูลทางเทคนิค โดยทีม อผร. ทั้งหมดนี้ผมประสานในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนด้าน นักเลง และ ส่วนราชการ มีความพร้อมเต็มที่ครับ มีการประสาน ทางลับ ไว้แล้ว…
“สัปดาห์ที่แล้ว พี่ไกรสีห์ โทร.หาผมๆ ได้เอ่ยเรื่อง ทับสะแก ผมอยากจะทำต่อตามที่ พี่ไกรสีห์ เคยมอบหมายให้ผมพิจารณา ท่านบอกว่าท่านเห็นด้วย และจะช่วยบรรจุลงใน PDP ให้...
“รบกวนพี่พิจารณาด้วยครับ พร้อมลุย ส่วนเทพา ไม่ต้องห่วง จบสวยทั้งก่อน และหลัง ค.3 สบายใจได้”
พี่น้องประชาชนผู้มีความคิดความอ่าน และมีดวงตาเห็นธรรมลองพิจารณาดูเถิด โดยเฉพาะความระหว่างบรรทัดของไลน์หลุดของคน กฟผ.ดังว่านี้ โดยเฉพาะคำที่ต้องมีการเน้นขับให้เกิดความต่างขึ้นมาอย่างเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะ “รายชื่อบุคคล” รวมถึง “ส่วนงาน” ในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่อย่าง “กฟผ.” ที่ประกาศต่อชาวโลกมาตลอดว่า ได้รับยกย่องให้เป็น “องค์กรธรรมาภิบาล”
ทั้งนี้ บุคคลที่มีชื่อปรากฏในบทสนทนาดังกล่าวต่อมาพบว่า เป็นผู้มีตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงใน กฟผ.ทั้งสิ้น ทั้งยังมีพฤติกรรมข่มขู่แกนนำคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน ซึ่งมีทั้งที่เป็นข้าราชการตำรวจทางสื่อออนไลน์อย่างเปิดเผย
โดยพบว่า บุคคลที่มีชื่อในไลน์หลุดของคน กฟผ.คนหนึ่งที่ใช้ชื่อ “ท่านธรรมยุทธ” เคยมีบทบาทสำคัญในสหภาพแรงงาน กฟผ. แต่ภายหลังถูกถอกถอน เนื่องจากมีพฤติกรรมบริหารงานไม่โปร่งใส จากนั้นจึงรับหน้าที่เคลื่อนไหวระดมมวลชนสนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินใน อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่ก็ถูกชาวบ้านขับไล่ออกมาจากพื้นที่
จนกระทั่งได้มาปรากฏตัวอีกครั้งที่ อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้เครือข่ายชาวบ้านฝ่ายคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่เชื่อว่า บทสนทนาที่หลุดออกมานั้นเป็นแผนการที่กำลังถูกกระทำให้เกิดขึ้นจริงแล้วใน อ.เทพา ในเวลานี้
นอกจากนี้แล้ว จากความระหว่างบรรทัดของไลน์หลุดของคน กฟผ.ดังกล่าว ถ้าสังเกตสักนิดจะพบเนื้อหาที่สื่อสารในท่วงทำนองที่ชี้ให้เห็นว่า แท้จริงแล้วการที่ กฟผ.ส่งทีมงานออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปักหมุดโรงไฟฟ้าถ่านหินใน อ.เทพา ให้ได้ด้วยวิธีการใดๆ ก็ตามนั้น
กระบวนการจัดทัพภายในของคน กฟผ.เองก็ไร้ซึ่ง “เอกภาพ”
สิ่งนี้ยืนยันได้จากข้อความตอนหนึ่งที่ว่า…
“หากให้ทำช่วย กำชับให้หน่วยงานที่จะมาช่วยให้การสนับสนุนบุคคลที่ขอตัวมาช่วยงานง่ายๆ ด้วยครับ ที่เทพา กว่าจะได้เหนื่อยมาก บางครั้งต้องต่อว่า และยอมให้โกรธพวกผม และขอร้องให้ เผ่าพงษ์ อยู่ห่างๆ…”
ทั้งนี้ และทั้งนั้น สอดรับต่อเสียงเล่าลือภายในหน่วยงานที่อ้างตัวเองมาตลอดว่า เป็นองค์กรธรรมาภิบาลแห่งนี้ กล่าวคือ ก่อนที่ผู้บริหารจะตัดสินใจทำตามคำสั่งให้เดินหน้าหาทางก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา ภายในหน่วยงานมีความขัดแย้งกันชนิดที่ไม่ต่างอะไรกับ “สามก๊ก” วรรณกรรมอันลือลั่นของจีน
สุดท้ายเลยกลายเป็นการใช่ทีมงานผลักดันเดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา ในลักษณะของการพึ่งพาหน่วยงานภายในน้อยมาก จึงนำพาไปสู่พาการมอบหมายอำนาจให้แก่บุคคล มากกว่าที่จะเป็นสายงานของหน่วยงานภายใน กฟผ.เอง
โดยเฉพาะชื่อที่ผู้คนในพื้นที่ และเครือข่ายของกลุ่มคัดค้านโครงการมักได้ยินติดหู นอกจาก “พี่พล” กับ “ท่านธรรมยุทธ” แล้ว ยังประกอบไปด้วย “ท่านวีระชัย” และรวมถึงผู้บริหารระดับกลางอย่าง “ท่านอนุชาติ” ซึ่งรายชื่อที่ 2 และ 4 ดังกล่าวยังต้องนับเป็น “นักรบไซเบอร์” ระดับมือพระกาฬอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกข่มขู่คุกคามอย่างต่อเนื่อง แต่ชาวบ้านเครือข่ายประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ปกป้องสิทธิชุมชนและสิ่งแวดล้อมเพื่อสันติภาพ ต่างก็ยังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน
ล่าสุด คือ กิจกรรม “เดินรณรงค์..หยุดถ่านหิน ต่อลมหายใจคนชายแดนใต้” ในระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.2559 นี้ โดยคณะจะออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) วิทยาเขตปัตตานี ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี แล้วระหว่างวันก็จะมีกิจกรรมพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้คนรายทาง จนกระทั่งถึงบ้านคลองประดู่ ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา
หลายฝ่ายกำลังจับตามองว่า การเดินรณรงค์เคลื่อนไหวคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินในครั้งนี้ จะมีแกนนำชาวบ้านคนไหนอีกที่จะต้องเผชิญหน้าต่อ “อิทธิพลมืด” อีกระลอก ซึ่งแฝงตัวอยู่ใน อ.เทพา ในขณะนี้