ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เดินเท้าหาดใหญ่-กรุงเทพฯ 1,400 กิโลเมตร ครบ 3 สัปดาห์ ถูกทหารคุมตัวรอบ 2 รวบ 8 ขาหุ้นฯ นอนค่ายทหารยาว 3 วัน ยิ่งเดินกระแสยิ่งดี ยิ่งถูกจับกระแสยิ่งแรง พบมีทหารร่วมประกาศตัวเป็นขาหุ้นฯ ผ่านเส้นทางสุราษฎร์ฯ-ชุมพร มีแปลงสัมปทานน้ำมันกว่า 4 ล้านไร่ ชี้ต้องปฏิรูปก่อนขุด ขณะนี้เดินถึง จ.ชุมพร ต้องตากฝนทั้งวัน แต่มีประชาชนรอให้กำลังใจเพียบ สรุป 3 สัปดาห์เดินได้ถึงครึ่งทาง ย่ำไปแล้วกว่า 1 ล้านก้าว!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ก.ย.) เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ได้เริ่มออกเดินเท้าจาก อ.หลังสวน มุ่งหน้าไปที่ อ.สวี จ.ชุมพร ระยะทางประมาณ 36 กิโลเมตร และจะแวะพักในพื้นที่ อ.สวี ในคืนนี้ ส่วนสภาพอากาศในวันนี้พบว่ายังคงมีฝนตกกระจายทั่วทั้งจังหวัด ทำให้ขาหุ้นฯ จำเป็นต้องเดินตากฝนจนกว่าจะถึงที่หมาย
*** ถูกทหารคุมตัวรอบ 2 ขาหุ้นฯ 8 คน อยู่ค่ายทหารยาว 3 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินเท้ารณรงค์ปฏิรูปพลังงาน หาดใหญ่-กรุงเทพฯ 1,400 กิโลเมตร ของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ที่ 3 คือ เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ขาหุ้นฯ ยังคงเดินรณรงค์อยู่ในพื้นที่ของ จ.สุราษฎร์ธานี หลังเสร็จภารกิจจากการเดินเท้ารณรงค์รอบเกาะสมุย และเกาะพะงัน
เมื่อกลับขึ้นสู่ชายฝั่ง เครือข่ายขาหุ้นฯ ก็ได้ออกเดินเท้าต่อทันที โดยเริ่มจากพื้นที่ อ.ดอนสัก มุ่งหน้าไป อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี แต่ในระหว่างเดินเท้าเหลือระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร จะถึง อ.กาญจนดิษฐ์ ปรากฏว่า ได้มีนายทหารพระธรรมนูญ และ สห.จำนวนหนึ่งเดินทางมาพบก่อนจะควบคุมตัวเครือข่ายขาหุ้นฯ จำนวน 8 คน
ประกอบด้วย 1.ดร.โอภาส ตันติฐากูร อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 2.นายอุดม สีนวล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียน 3.นายประวีณ จุลภักดี อาจารย์ราชภัฏสุราษฎร์ธานี 4.นายศรเดช คำแก้ว ขาหุ้นท่าศาลา นครศรีธรรมราช 5.นายนพดล ยาจิตร์ 6.นายวิชชุนัย วิวัฒน์ 7.นายอนุวัติ พ่วงเกิด และ 8.นายบุญธรรม ฉวาง ขาหุ้นสุราษฎร์ธานี ต่อมา ได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังควบคุมตัวในค่ายวิภาวดีรังสิต เป็นเวลา 3 วัน
*** “ยิ่งเดินกระแสยิ่งดี-ยิ่งจับกระแสยิ่งแรง”
นายเอกชัย อิสระ เปิดเผยต่อ “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ว่า การเดินรณรงค์ของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ในช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา พบว่า กระแสตอบรับจากประชาชนเบ่งบานขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในทุกพื้นที่ที่เดินทางผ่านยังคงมีประชาชนให้ความสนใจ
“การตอบรับกระแสรณรงค์ปฏิรูปพลังงานจนถึงขณะนี้ครบ 3 สัปดาห์ของการเดิน พบว่า กระแสตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ สังเกตจากโซเชียลมีเดียในขณะนี้มีผู้สนใจติดตาม และแบ่งปันเนื้อหาสนับสนุนการปฏิรูปพลังงานกันเยอะมากในแต่ละวัน ขณะเดียวกัน ก็มีผู้สอบถามเรื่องเสื้อยืดขาหุ้นฯ และสั่งซื้อมาเยอะมากจนสั่งทำใหม่กันแทบไม่ทัน” นายเอกชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม การเดินรณรงค์ปฏิรูปพลังงานที่กลายเป็นกระแสข่าวให้เกาะติดแบบวันต่อวัน อีกด้านหนึ่งส่งผลให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารถูกเบื้องบนกดดันให้จัดการต่อเครือข่ายขาหุ้นฯ ทำให้ในที่สุดจึงเกิดการควบคุมตัวขาหุ้นเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อวันที่ 20 ส.ค.หรือวันที่ 2 ของการเดินทางได้ควบคุมตัวเครือข่ายขาหุ้นฯ จำนวน 11 คน ไปก่อนหน้านี้แล้ว ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา
นายทรงวุฒิ พัฒแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นายทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่โดยตรงต่างต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอึดอัด เนื่องจากมองไม่เห็นพิษภัยต่อความมั่นคงของประเทศ จากกิจกรรมการเดินของเครือข่ายขาหุ้นฯ
“พี่ทหารบางคนบอกแก่เราตรงๆ เลยว่า เขาเองก็ไม่อยากจะจับแต่เมื่อมีคำสั่งลงมา ต้องปฏิบัติตาม เรื่องนี้ชาวบ้านเองก็ยังงงว่าคนเดินเฉยๆ ไม่ได้ก่อความวุ่นวายทหารมาจับทำไม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การควบคุมตัวลิดรอนสิทธิเสรีภาพของเครือข่ายขาหุ้นฯ ทำให้ฝ่ายทหารถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะในประเด็นที่ว่า ทหารใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ โดยมีหลายเครือข่ายร่วมกันออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทหารคืนอิสรภาพให้แก่ขาหุ้นฯ ทั้ง 8 คน เช่น แถลงการณ์ของเครือข่ายขาหุ้นฯ จ.พัทลุง และแถลงการณ์ของเครือข่ายปกป้องเกาะแห่งชีวิต สมุย พะงัน และเกาะเต่า และเครือข่ายปกป้องกระบี่จากถ่านหิน ทั้ง 3 เครือข่ายเห็นตรงกันว่า การจับกุมขาหุ้นฯ คือ ความผิดพลาดใหญ่หลวงของฝ่ายทหาร
ทั้งนี้ พบว่าในช่วงเวลา 3 วันที่ ขาหุ้นฯ สุราษฎร์ฯ ถูกควบคุมตัวในค่ายทหาร พบว่ากระแสความตื่นตัวเรื่องการปฏิรูปพลังงานในโซเชียลมีเดียมีความคึกคักขึ้นมาก แต่ความคึกคักในการให้กำลังใจเครือข่ายขาหุ้นฯ ก็เกิดขึ้นพร้อมกับความคึกคักในการประณามการกระทำของทหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
*** ทหารกล้าร่วมประกาศตัวเป็นขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน
อย่างไรก็ตาม แม้การาเคลื่อนไหวรณรงค์ของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน จะถูกขัดขวางจากฝ่ายทหาร ภายใต้นโยบาย และคำสั่งของ คสช.แต่พบว่า ในระยะเวลาการเดินรณรงค์ 3 สัปดาห์ พบว่ามีนายทหารอย่างน้อย 3 คน ที่กล้าประกาศต่อสาธารณชนผ่านทางสื่อสารมวลชน และสื่อโซเชียลมีเดีย ว่า เห็นด้วยต่อการเคลื่อนไหวของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ประกอบด้วย
พล.ท.กนก เนตระคะเวสนะ ซึ่งได้เขียนไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปพลังงาน ในประเด็นการให้สัมปทานการขุดเจาะน้ำมัน ครั้งที่ 21 ของรัฐบาลโดยระบุว่า
“หลายคนบอกว่าให้เวลาให้โอกาส 3 เดือนแล้วนะ ที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะปล่อยหรอกหรือที่ให้ผู้ที่มาเป็นรัฐบาล ทำถึงให้สัมปทานไปตั้ง 20 ครั้งแล้ว เราจะปล่อยให้ครั้งที่ 21 เป็นแบบนั้นอีกหรือ ต้องช่วยกันนะครับไม่อย่างนั้นจะมาบอกในภายหลังว่าทำไมไม่เหลืออะไรอีกเลยก็สายเสียแล้ว”
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานเดินเท้าอยู่ในเขตพื้นที่รอยต่อ อ.ขนอม กับ อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช ระหว่างแวะพักรับประทานอาหารกลางวัน ที่บ้านเขาฝ้าย อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช พล.ต.พีรพล วิริยากุล ผบ.มทบ.41 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจ และทหารหลายสิบนาย ได้เดินทางมา ทำให้บรรยากาศในขณะนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด จนกระทั่งมีการเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจกันจึงทำให้บรรยากาศคลี่คลายลงไป
โดย นายทรงวุฒิ พัฒแก้ว ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นฯ เล่าบรรยากาศในช่วงการพูดคุยว่า ได้อธิบายให้ ผบ.มทบ.41 ทราบถึงกระบวนการทั้งหมดที่แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนตลอดมาว่า เป็นการเดินกันอย่างสงบ และไม่ละเมิดกฎหมาย เพราะมีผู้เดินไม่เกิน 5 คน และเดินไปเรื่อยๆ เพื่อรวบรวมข้อมูลเรื่องราวต่างๆ จากประชาชน 2 ข้างทาง นำไปสังเคราะห์เป็นรูปเล่มเพื่อเสนอเป็นแนวคิดในการปฏิรูปพลังงาน
“ผมประทับใจที่ ผบ.มทบ.41 ได้เห็นถึงความตั้งใจ ท่านมานั่งกับพื้นปูนบนศาลาที่ไม่ได้เก็บกวาด และระบุอย่างชัดเจนว่า ได้เห็นความตั้งใจ มุ่งมั่น ศรัทธา และฝากให้พวกเราทำให้สำเร็จ การทำลายศรัทธา และทำลายความหวังเป็นการทำลายความสุข เมื่อประชาชนมุ่งมั่นขอให้เดินต่อไป หวังว่าดอกไม้แห่งมิตรภาพเช่นนี้จะเบ่งบานไปตลอดเส้นทาง ผบ.มทบ.41 ยังฝากแก่พวกเราอีกว่า ขอให้เรียบเรียงข้อมูล ถ้ามีโอกาส และว่างเว้นจากภาระหน้าที่จะร่วมเดินกับเราด้วย และสิ่งที่ทำให้เรามีความเชื่อมั่นในศรัทธาที่มีคือ ท่านบอกว่าเรื่องที่ทำนี้ดีมาก เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติ เอกสารที่เราจัดทำออกแจกจ่ายตลอดสองข้างทาง ไม่มีทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคง หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อ คสช. หรือรัฐบาล”
ล่าสุด เมื่อวานที่ผ่านมา (8 ก.ย.) มีรายงานว่า เมื่อเครือข่ายขาหุ้นฯ เดินเท้าถึงบริเวณตลาดเขตเทศบาลหลังสวน มีนางแสงนภา สุทธิภาค อายุ 50 ปี และนางยุพิน ใจเย็น อายุ 41 ปี ประชาชนในพื้นที่มาร่วมเดินด้วย โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละไม่เกิน 3 คน ออกแจกเอกสารในตลาดหลังสวน ท่ามกลางความสนใจของชาวบ้านจำนวนหนึ่ง
ต่อมา พ.อ.พิเศษ สุรินทร์ เกตุแก้ว รอง ผบ.จทบ.ชุมพร พร้อมกำลังทหารจำนวนหนึ่ง ได้เข้าเจรจากับ นางแสงนภา และนางยุพิน เพื่อขอให้ยุติการเดินรณรงค์ พร้อมแนะนำให้ใช้ช่องทางการแสดงออกผ่านสภาปฏิรูปแห่งชาติ ที่ คสช.และรัฐบาลกำลังดำเนินการแต่งตั้ง อีกทั้งยังจะเป็นเวทีที่จะช่วยเสนอความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ และไม่ผิดกฎหมาย
นางแสงนภา ชี้แจงว่า ที่ออกมาเดินรณรงค์เพื่อต้องการให้ปฏิรูประบบพลังงานของประเทศทั้งระบบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ซึ่งในปัจจุบันเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มทุนพลังงานมากกว่า โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ที่เป็นผลประโยชน์ของคนทั้งประเทศ พร้อมชี้แจงอีกว่า ทางกลุ่มเดินรณรงค์ของตนนั้นไม่ได้กระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด เนื่องจากเดินกันเพียง 2 คนเท่านั้น และไม่ได้ผิดกฎอัยการศึก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังใช้เวลาในการเจราจาผ่านไปเกือบ 30 นาที มีชาวบ้านเริ่มมาดูเหตุการณ์มากขึ้น พ.อ.พิเศษ สุรินทร์ จึงได้เดินทางกลับไป และกลุ่มขาหุ้นปฏิรูปพลังงานก็ออกเดินรณรงค์ และแจกเอกสารในตลาดเมืองหลังสวนต่อ
ขณะที่ในหน้าแฟนเพจขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ได้ลงภาพของนางแสงนภา สุทธิภาค และนางยุพิน ใจเย็น และนายทหารคนดังกล่าว พร้อมระบุข้อความสั้นๆ ที่ถ่ายทอดคำพูดของนายทหารคนดังกล่าว ว่า
“ผมไปเดินด้วยไม่ได้ แต่ผมขอเป็นกำลังใจ”
*** เส้นทางสุราษฎร์ฯ-ชุมพร ผ่านแปลงสัมปทานน้ำมัน 4 ล้านไร่
การเดินเท้าของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ช่วงสุดท้าย เป็นการเดินผ่านพื้นที่ อ.เมือง พุนพิน ท่าฉาง ท่าชนะ และ อ.ไชยา โดยมีระยะทางประมาณ 120 กิโลเมตร โดยประวีณ จุลภักดี ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งเป้าหมายสำคัญในการขุดเจาะปิโตรเลียม ซึ่งพื้นที่บนบกกว่า 4 ล้านไร่ ซึ่งครอบคลุมจังหวัดกระบี่ และจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้อนุมัติให้สัมปทานเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งพื้นที่สัมปทานในทะเลรอบเกาะสมุย พะงัน เต่า และหมู่เกาะอ่างทอง ผลกระทบที่เกิดขึ้นในพื้นที่ทั้งด้านความมั่นคงทางอาหาร และการท่องเที่ยวคือหัวใจหลักที่รัฐต้องคำนึงถึง
“ทุกวันนี้ คำว่า พลังงานหายาก พลังงานหมด กรอกหูประชาชนบนฐานความเชื่อมากกว่าเปิดเผยข้อมูลความจริง และถูกต้อง ทั้งที่ข้อมูลความจริงไม่เคยถึงมือประชาชนในฐานะเจ้าของทรัพยากรตัวจริง” ประวีณ จุลภักดี ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานสุราษฎร์ธานี กล่าวและว่า
ความชัดเจนของการเดินหน้าผลักดันการปฏิรูปพลังงานของขาหุ้นสุราษฎร์ธานี มาจากการต่อสู้กับระบบสัมปทานปิโตรเลียมมากว่า 5 ปี ทั้งการต่อสู้ในพื้นที่ และการฟ้องร้องคดีต่อศาลปกครอง
*** เดินเท้าเข้าชุมพร ขาหุ้นฯ “ยิ้มกลางสายฝน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินเท้าเข้าสู่พื้นที่ จ.ชุมพร ของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ที่เดินถึง อ.ละแม จ.ชุมพร ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา พบว่า สภาพอากาศในพื้นที่มีฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดทั้งวัน เครือข่ายขาหุ้นฯ ต้องสวมเสื้อกันฝนเดินเท้าตลอดเส้นทางโดยไม่ได้มีการหยุดพักเพื่อหลบฝนแต่อย่างใด
นายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน กล่าวว่า การทำตามเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ของเครือข่ายขาหุ้นฯ ตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ แม้ฝนตก แดดออก ถูกทหารจับ แต่ขาหุ้นฯ ก็ยังไม่หยุดเดิน ทำให้ได้รับกำลังใจจากประชาชนสองข้างทางเป็นอย่างดี
*** 3 สัปดาห์เดินไปได้ครึ่งทาง ย่ำไปแล้วกว่า 1 ล้านก้าว!
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” สรุประยะเวลาและระยะทางที่เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานเดินเท้ารณรงค์ หาดใหญ่-กรุงเทพฯ 1,400 กิโลมาตร นับตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.มาจนถึงขณะนี้ ใช้เวลาในการเดินไปแล้วรวม 3 สัปดาห์ เดินได้ระยะทาง 614 กิโลเมตร (ระยะทางหาดใหญ่-สวี) หรือเท่ากับ 614,000 เมตร คำนวณระยะก้าวเดิน 2 ก้าวเท่ากับ 1 เมตร ก็จะพบว่าขณะนี้เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เดินไปแล้ว 1,228,000 ก้าว เหลือระยะทางที่จะต้องเดินอีกประมาณ 786 กิโลเมตร หรืออีกประมาณ 1,572,000 ก้าว จึงจะถึงที่หมาย กรุงเทพมหานคร