ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ลงเรือเฟอร์รีกลับเข้าชายฝั่ง หลังเสร็จสิ้นการรณรงค์รอบเกาะสมุย-เกาะพะงัน ชี้การรณรงค์ที่ผ่านมา มีประชาชนทุกระดับให้การตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งในโซเชียลมีเดีย และตลอดสองข้างทาง พบประชาชนในพื้นที่ทับซ้อนสัมปทานน้ำมันกับการท่องเที่ยว ยืนยันรัฐอย่าเอาสัมปทานมาแลกกับรายได้การท่องเที่ยว เพราะไม่คุ้ม เผยผลเจรจากับทหารที่ผ่านมาพบมีหลายแบบ ส่วนใหญ่เห็นด้วยแต่ไม่กล้าแสดงออก พร้อมยืนยันยังเดินหน้าตามเจตนารมณ์เดิมทุกกระเบียดนิ้ว
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” วันนี้ (1 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของเครือขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ว่า คณะเดินเท้าหาดใหญ่-กรุงเทพฯ เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี จากเกาะพะงัน กลับขึ้นชายฝั่งเพื่อวางแผนการรณรงค์ในพื้นที่ต่อไป
*** ลงเรือกลับเข้าฝั่งหลังเดินรอบ ‘สมุย-พะงัน’
ทั้งนี้ หลังจากเมื่อวานที่ผ่านมา เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ได้เดินเท้ารณรงค์อยู่ในพื้นที่ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเช่นเดียวกับ อ.เกาะสมุย เกาะเต่า หมู่เกาะอ่างทอง ที่อยู่ในพื้นที่แผนพัฒนาพลังงานของภาครัฐ ในการสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะปริโตรเลียมรอบที่ 21 ในเร็วๆ นี้
นายอานนท์ วาทยานนท์ ผู้ประสานงานเครือข่ายหุ้นปฺฏิรูปพลังงาน อ.เกาะสมุย เปิดเผยหลายครั้งก่อนหน้านี้ ว่า ภาคธุรกิจท่องเที่ยว และประชาชนในพื้นที่นี้ทั้งหมดไม่ยินยอมให้รัฐบาลเปิดสัมปทานรอบที่ 21 เพื่อให้เอกชนมาขุด และสำรวจพื้นที่ในแหล่งทำมาหากินของประชาชน ที่เป็นแหล่งสร้างร้ายได้เข้าสู่ประเทศมาอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีคุณค่าและสามารถสร้างรายได้หล่อเลี้ยงประชาชน และประเทศชาตริได้ต่อไปไม่มีสิ้นสุด และสามารถสืบทอดต่อไปสู่ลูกหลานได้ไม่จบสิ้น
“ประชาชนรู้ว่าสิ่งที่มีอยู่ และเขาพึงพอใจแล้ว ว่าสามารถสร้างรายได้ให้แก่พวกเขาเอง เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีส่วนสร้างรายได้หลักเข้าประเทศได้เพิ่มขึ้น จากการท่องเที่ยว จากการทำประมงของชาวบ้าน แต่ทำไมภาครัฐไม่คิดแบบที่ชาวบ้านคิด กลับไปคิดในมุมที่จะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ทั้งๆ ที่คนที่จะได้รับความเดือดร้อนเขาก็บอกอยู่ทุกวันนี้ ว่าให้ฟังเขาก่อน”
*** คนทุกระดับตอบรับดีทั้งในโซเชียลมีเดีย-สองข้างทาง
การรณรงค์ในพื้นที่ อ.เกาะสมุย และ อ.เกาะพะงัน ของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ด้านหนึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประชาชนในพื้นที่ที่เดินทางผ่าน ส่งผลให้กระแสการติดตามความเคลื่อนไหวของเครือข่ายมีเพิ่มขึ้น ทั้งในกลุ่มผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่เข้าถึงสื่ออินเทอร์เน็ตได้สะดวก ขณะที่คนรุ่นผู้ใหญ่ไปจนถึงผู้สูงวัย แม้ไม่มีโอกาสติดตามจากข่าวในโซเชียลมีเดีย
แต่นายเอกชัย อิสระทะ ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เปิดเผยว่า สองข้างทางที่คณะเดินเท้าเดินทางผ่านไปจะมีผู้สูงอายุมาคอยถามไถ่ ที่มาที่ไปของการเดิน เมื่อทางเครือข่ายแจ้งวัตถุประสงค์ ปรากฏว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่รับรู้และเข้าใจในการเคลื่อนไหวนี้ได้เป็นอย่างดี
“เมื่อแวะทักทายกับชาวบ้านกลุ่มนี้ เราได้เห็นความงดงามของคนท้องถิ่นคือ เรื่องการแสดงน้ำใจ มีการยกน้ำ ขนม หรือของกินมาให้ในขณะที่พูดคุยกัน ที่สำคัญคือ ชาวบ้านกลุ่มนี้แม้จะเป็นผู้สูงวัยแต่เกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ เราพบว่า พวกเขาเคยผ่านประสบการณ์การชุมนุมของภาคประชาชนมาแล้วหลายเหตุการณ์ คนที่มีฐานะหน่อยอาจเคยไปเรียนกรุงเทพฯ ผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลา 14 ตุลา มา รวมทั้งเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ แต่ที่มากที่สุดคือ คนที่ผ่านเวทีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ กปปส.ซึ่งเป็นมวลชนกลุ่มเดียวกัน แต่มีผู้สูงอายุเข้าร่วมเยอะมาก เขาจึงเรียนรู้ และเข้าใจได้ง่ายในประเด็นที่พวกเรากำลังทำ เราได้กำลังใจจากเขามากมาย” นายเอกชัย กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของกระแสความตื่นตัวในส่วนของโซเชียลมีเดีย พบว่า ในการกดไลก์กิจกรรมของขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน มีตัวเลขเพิ่มจากหลักพันไปสู่หลักหมื่น และหลักแสนในเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ขณะที่จำนวนผู้ติดตามความเคลื่อนไหวนี้ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้
*** จี้รัฐอย่าเอาสัมปทานน้ำมันรอบ 21 มาแลกกับรายได้ท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า การเดินบนเกาะสมุย และ เกาะพะงัน เครือข่ายขาหุ้นยังได้สื่อสารต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ที่ชมรมผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ สะท้อนให้ฟังว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางเดินทางมาเที่ยวในพื้นที่นี้ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศเจริญแล้ว ซึ่งแม้จะเรียกว่าประเทศเจริญ แต่สิ่งที่ประเทศเหล่านั้นไม่มี หรือเคยมี แต่หาไม่ได้อีกแล้ว คือ สภาพแวดล้อมที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ เช่น นักท่องเที่ยวยุโรป คือ คนที่หลีกหนีมาจากสังคมอุตสาหกรรมทั้งการขุดเจาะปริโตรเลียม โรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
จากข้อมูลการท่องเที่ยวของเกาะพงัน พบว่า ด้วยความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ของเกาะพะงัน ส่งผลให้การท่องเที่ยวเกาะพงันเกิดการขยายตัวอย่างไม่หยุดยั้ง นักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ปี 2549 พบว่า มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนรวมทั้งสิ้น 332,624 ล้านคน โดยร้อยละ 87 เป็นการเดินทางท่องเที่ยวของผู้เยี่ยมเยือนชาวต่างชาติ เช่น เยอรมนี อังกฤษ สวีเดน ออสเตรเลีย
อย่างไรก็ดี กลุ่มตลาดที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด คือ รัสเซีย จัดเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงต่อการท่องเที่ยว โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง มีรสนิยมดี และยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อแลกกับบริการที่สะดวกสบาย และมีคุณภาพ
“เฉพาะเกาะพะงันที่เดียวสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปีละเกือบ 3 พันล้านบาท ยังไม่รวมรายได้จากที่ท่องเที่ยวอื่นๆ นักท่องเที่ยวมาเที่ยวสร้างรายได้เข้าประเทศเยอะ ภาครัฐต้องไม่ลืมว่าเพราะที่นี่ปลอดจากอุตสาหกรรม ธรรมชาติที่มีอยู่นี่ต่างหากคือ ความยั่งยืน” ผู้ประกอบการรายหนึ่ง กล่าว
*** เผยผลสรุปการเจรจากับทหารทั้งบนโต๊ะ และตามรายทาง
แม้ว่าการเดินเท้าของเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน จะได้รับการตอบรับที่ดีจากภาคประชาชน แต่ท่าทีของเจ้าหน้าที่ทหาร ทั้งในพื้นที่รับผิดชอบของมณฑลทหารบกที่ 42 คือ พื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง และในพื้นที่รับผิดชอบของมณฑลทหารบกที่ 41 คือ ภาคใต้ตอนบน ก็ทำให้เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน รวมทั้งประชาชนสองข้างทาง และประชาชนที่ติดตามความเคลื่อนไหวผ่านสื่อ มีความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป
เช่น ชาวบ้านรายหนึ่งไม่เข้าใจว่าเหตุใดการเดินจึงมีความผิดในสายตาของทหาร และไม่เข้าใจว่าทำไมทหารไม่สนับสนุนการทำประโยชน์แก่บ้านเมือง กรณีการแบ่งปันผลผลิต และการให้สัมปทานน้ำมันที่รัฐเสียเปรียบ
ตุด นาคอน ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตภาคใต้ ที่รับช่วงเดินต่อจากสงขลา ไปนครศรีธรรมราช หลังจากเพื่อน 11 คน ในเครือข่ายถูกทหารควบคุมตัวไป เขาบอกว่า
“เราพบว่าเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ แต่ละพื้นที่ก็มีความคิดเห็นมีท่าทีไม่เหมือนกัน ทหารส่วนใหญ่ที่คุยเรื่องธรรมะธัมโม อ้างถึงคำสอนพระพุทธเจ้า หรือหยิบเรื่อวงศีลธรรมมาพูดคุยกับเรา บนโต๊ะเจรจากรณีที่เราเดิน ส่วนใหญ่ทหารลักษณะนี้พูดจาดี มีการให้เกียรติ แม้เราเป็นชาวบ้าน และเขามีท่าทีรับฟังเราอย่างอดทน เขากล้าบอกแก่เราตรงๆ ว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอปฏิรูปพลังงานของเรา เขายังให้กำลังใจเราด้วยซ้ำ บางทีเขาอยากสื่อสารให้รู้ว่าคนที่มีปัญหากับการเดินของเรา ไม่ใช่เขาแต่อยู่เหนือกว่า และเขาแค่เป็นผู้ปฏิบัติตามโดยมีข้อแม้ไม่ได้ เท่านั้นเอง”
*** ก่อนกลับเข้าฝั่งยังยืนยันเดินหน้าเจตนารมณ์เดิม
ก่อนขึ้นเรือเฟอร์รีกลับชายฝั่งในวันนี้ แต่เมื่อวานที่ผ่านมา (31 ส.ค.) หน้าแฟนเพจ ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ได้โพสต์ข้อความ เล่ารายละเอียดการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ตอนหนึ่ง ว่า “บนโต๊ะการพูดคุยกับ พล.ต.ธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน ผู้บัญชาการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี ดูแลจังหวัดสุราษฎร์ธารี ทั้งหมด ให้เกียรติเดินทางมาพบขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน เพื่อถามถึงความเป็นมาในการเดินปฏิรูปครั้งนี้ และแน่นอนว่า การให้ขาหุ้นหยุดเดินเป็นเหตุหลักที่ต้องคุย ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานยืนยันชัดเจนเหมือนกับการเจรจาที่ผ่านมาทุกจังหวัดครับว่า
- ขาหุ้นเดินต่อจนถึงกรุงเทพฯ
- ขาหุ้นเดินต่อตามเงื่อนไขที่ทหารขอ คือ เดินครั้งละไม่เกิน 5 คน
- ขาหุ้นเดินปฏิรูปพลังงาน เรียกร้องเรื่องพลังงาน ขาหุ้นยึดมั่นในหลักการการต่อสู้เรื่องนี้มาหลายปี มิใช่เพิ่งเริ่ม และขอย้ำว่า ขาหุ้นไม่ได้ทำเรื่องนี้เป็นการเมือง ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานคือประชาชน ประชาชนที่ออกมาปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ
- ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานเดินครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการปฏิรูป ตลอดเส้นทางประชาชนสนับสนุน ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ภาพลักษณ์ของทหารไม่ได้ลบลงเลย กลับเป็นที่คาดหวังของประชาชนมากขึ้นว่าต้องทำให้ได้นะ ประชาชนสนับสนุนเรื่องการปฏิรูปพลังงานอยู่
สำหรับข้อแนะนำของทหารจากที่มีการเจรจามาทุกจังหวัดคือ ทหารเห็นด้วยต่อการจัดเวทีของขาหุ้นในแต่ละจังหวัด เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลมากที่สุด และทหารพร้อมเป็นเจ้าภาพเปิดเวทีให้ ซึ่งทางขาหุ้นแต่ละจังหวัดเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นการนำไปสู่การปฏิรูปพลังงานที่ยั่งยืน
พี่น้องขาหุ้นปฏิรูปพลังงานครับ เหตุผลหนักแน่นเหล่านี้ ทำให้ขาหุ้นได้เดินต่อ เดินให้ถึงกรุงเทพฯ ครับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการคำนวณระยะทางจากการเดินของเครือข่ายขาหุ้นฯ เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยออกจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ผ่านมาจนถึงวันนี้ (1 ก.ย.) 2 สัปดาห์ รวมระยะทางการเดินทั้งสิ้นประมาณ 397 กิโลเมตร หรือ 397,000 เมตร และระยะการเดิน 2 ก้าว เท่ากับ 1 เมตร จะพบว่าเครือข่ายขาหุ้นฯ ได้เดินรณรงค์ปฏิรูปพลังงานมาแล้วเกือบ 800,000 ก้าว และเหลือระยะทางอีกกว่า 1,000 เมตร สำหรับการเดินเท้ารณรงค์ปฏิรูปพลังงาน หาดใหญ่-กรุงเทพฯ
