ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ภูริ หิรัญพฤกษ์“” นักแสดงชื่อดัง พร้อมคนในครอบครัวโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว มีการออกเอกสารสิทธิที่ดิน บนเกาะนาคาน้อย จ.ภูเก็ต ไม่ชอบด้วยกฎหมายในพื้นที่ที่ป่าสมบูรณ์ โดยใช้ ส.ค.1 ทั้งบิน และบวมมาออก น.ส.3 ก. ระบุผู้อ้างเอกสารสิทธิส่งคนงาน และเครื่องมือลงพื้นที่เตรียมแผ้วถางป่าแล้ว ทั้งๆ ที่อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพิกถอนเอกสารสิทธิ วอนทุกคนช่วยกันดูแลผืนป่าสมบูรณ์ไว้ อย่าให้ใครมาทำลาย
นายภูริ หิรัญพฤกษ์ นักแสดงชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบด้วยกฎหมาย บนเกาะนาคาน้อย อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยข้อความระบุว่า เห็นชัดๆ ว่าเอกสารสิทธิได้มาโดยมิชอบ เจ้าหน้าที่ที่ดินคนเซ็นออกก็ยอมรับแล้วว่า ที่มาผิดจริงๆ โดนลูกน้องหลอก เรื่องนี้ทางกรมที่ดินตั้งคณะกรรมการเตรียมถอดถอนแล้ว DSI กำลังจะเอาเข้าเป็นคดีพิเศษ เอาผิดทั้งขบวนการ แต่เช้าวันนี้ มีกลุ่มคนที่ได้รับจ้างมาจากเจ้าของโฉนดเถื่อนพกอาวุธเต็มมือ เตรียมเข้าถางที่ป่าที่ไม่เคยครอบครอง และอาจจะมาถางที่ของครอบครัวผมด้วย เพราะเจ้าหน้าที่ที่ดินไม่เคยขึ้นมารังวัดจะมีหมุดได้อย่างไร ผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่อยู่ของนกเงือก กำลังจะถูกทำลาย เราส่งคนเข้าไปห้าม ชักปืนใส่ เราสู้ไม่ได้จริงๆ
ผมขอวอนให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และผู้ที่มีอำนาจเกี่ยวข้องช่วยมาระงับการทำลายป่าครั้งนี้ด้วยเถิด เอกสารที่ดินเถื่อนอันนี้กรมที่ดินกำลังจะถอดถอน แต่ถ้าคนเถื่อนพวกนี้เข้ามาทำลายป่าเสียก่อนจะแก้ไม่ทัน ผมวอนช่วยกันแชร์ให้หน่วยงานรัฐเข้ามาดูแลทีเถอะ อย่ากลัวอำนาจมืด ผืนป่าของประเทศจะหมดเพราะการกระทำแบบนี้
หลังจากนั้น ในเวลา 12.00 น.วันนี้ (6 เม.ย.) คนในครอบครัว “หิรัญพฤกษ์” ได้โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงรายละเอียดของของที่ดินบนเกาะนาคาน้อย โดยสรุปว่า ที่ดินบนเกาะนาคาน้อย จ.ภูเก็ต นั้น มีเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก ถูกต้องตามกฎหมายเพียง 53 ไร่เท่านั้น ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของครอบครัว “หิรัญพฤกษ์” ที่บุกเบิกมาโดย ดร.สุจิต หิรัญพฤกษ์ ปู่ของนายภูริ ประกอบด้วย ที่ดินหน้าหาด ไปจนถึงบ้านพัก และสวนมะพร้าวหลังบ้าน โดยที่ดินส่วนที่เหลืออีก 60% ของเกาะเป็น “ป่าดิบชื้น” ที่สมบูรณ์ เป็นที่อยู่อาศัยของนกเงือก และไม่เคยถูกรุกรานมาก่อน และที่ดินนอกเหนือจาก 53 ไร่ ไม่เคยมีการทำรังวัดใดๆ จากสำนักงานที่ดินภูเก็ต รวมทั้งผู้ใหญ่บ้าน และนายอำเภอยุค 40 ปีก่อน บอก ดร.สุจิต ว่า “เป็นพื้นที่ป่าไม้” ของแผ่นดิน ไม่ให้ใครมารุกล้ำ ดร.สุจิต เคารพกติกานี้อย่างดีจนถึงแก่กรรม ระหว่างที่มีชีวิตอยู่ได้ประกอบกิจการฟาร์มหอยมุก เครื่องประดับที่เป็นที่นิยมในสมัยนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เคยเสด็จประพาส ดร.สุจิต เป็นผู้รับเสด็จด้วยความปลื้มปีติ และพระองค์ท่านรับสั่งทำฟาร์มไข่มุกให้มีคุณภาพดี เป็นชื่อเสียงของประเทศ ฟาร์มแห่งนี้เคยผลิตมุกเม็ดใหญ่ติดอันดับโลกขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์มาแล้วในอดีต แต่ปัจจุบัน พักกิจการไว้เนื่องจากผลผลิตไม่เฟื่องฟู และตลาดไม่มีความต้องการเหมือนก่อน
ครอบครัวรุ่นลูกรุ่นหลานได้บูรณะ “บ้านหิรัญพฤกษ์” บ้านพักชั้นเดียวของ ดร.สุจิต ที่สร้างไว้พักแรมตั้งแต่แรกเริ่มให้กลับมามีสภาพใช้งานได้เมื่อไม่กี่ปีมานี้ และเอาไว้ใช้พักผ่อน โดยไม่ได้ประกอบธุรกิจใดๆ อีกเลย วันดีคืนดีมีคนท้องถิ่นมาหาที่เกาะแล้วบอกว่า “มีเอกสาร ส.ค.1 หลังเกาะมาขายให้” เรายังไม่ทันเห็นเอกสารก็บอกว่าเป็นไปไม่ได้เพราะเป็นพื้นที่ป่า เขายืนยันว่าพวกเขาออกเอกสารสิทธิกันมาได้ และจะไปเปลี่ยนเป็น น.ส.3 ก ให้ได้โดยรู้จักดีกับข้าราชการภายในกรมที่ดิน จะคิดค่าทำงาน 4 ล้านบาท เราไล่ตะเพิดไปบอกไม่เอา เพราะมันไม่ถูกต้อง
ส.ค.1 ที่ว่า คือ เอกสารสิทธิที่ออกไว้บนเกาะนาคาใหญ่ เกาะใกล้เคียงที่ใหญ่กว่าเรามาก แต่แก้ไขเอกสารจาก 7 ไร่ เพิ่มอีก 17 ไร่ (รวม 24 ไร่) แล้วนำมาอ้างสิทธิบนป่าของเกาะนาคาน้อย ไปๆ มาๆ พอเราไม่ยอมจ้างทำ พวกเค้าก็ไปทำเอง เปลี่ยน ส.ค.1 เป็น น.ส.3 ก แล้วไปเร่ขายคนอื่นๆ จนตกมาถึง “บริษัท ภูเขาหกลูก จำกัด” ตามที่ระบุในข่าว บริษัทนี้เคลมมูลค่าที่ดินว่าสูงถึง 42 ล้านบาท
ครอบครัวหิรัญพฤกษ์ ร้อง DSI ให้ตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินดังกล่าว DSI ได้เข้ามาตรวจสอบ จนเจ้าหน้าที่รัฐสารภาพว่า เป็นการสร้างเอกสารปลอม นับเป็นความฉ้อฉลอีกครั้งหนึ่งของข้าราชการกรมที่ดินที่เอาผืนป่ามาออกเอกสารสิทธิ DSI สั่งเพิกถอนเอกสารสิทธินี้ต่อกรมที่ดิน ขณะนี้กรมที่ดินอยู่ระหว่างดำเนินการ
และเมื่อไม่กี่วันมานี้ ตัวแทนบริษัท ภูเขาหกลูก จำกัด มาเจรจากับครอบครัวหิรัญพฤกษ์ ขอให้ซื้อเอกสาร น.ส.3 ก ของเขา เพราะเขาก็เดือดร้อนที่ไปซื้อต่อมาอีกทีหนึ่ง ฉะนั้นจึงอยากให้ช่วยซื้อ 42 ล้านบาท แน่นอนเราต้องด่าให้หายซ่า เขามีอาการรวนเล็กน้อย และอ้างบุคคลมีสีที่หนุนหลังอยู่ เอ่ยนามมาให้เขาเสียหายด้วย เราไล่ตะเพิดไปบอกไม่กลัวใครทั้งนั้น ความถูกต้องคือความถูกต้อง เขาจากไปด้วยความโกรธพอสมควร
เช้าวันอังคารที่ 5 เมษายน กลุ่มชายนำกำลังขึ้นเกาะในฝั่งป่าไม้ พร้อมอาวุธในมือ ยากต่อการเข้าพูดคุยเจรจา ทางกลุ่มประกาศว่า วันพุธที่ 6 เมษายนจะนำ “รถแบ็กโฮ” ข้ามทะเลมาถางป่าในที่ๆ คิดว่าระบุไว้ 24 ไร่ (แต่ไม่มีการปักหมุดรังวัดใดๆ ไว้ จะไปถางถูกจุดได้อย่างไร?) เขาอ้างว่า กรมที่ดินยังอยู่ระหว่างการเพิกถอน ฉะนั้นตอนนี้เขามีสิทธิในการจะ “ทำอะไรก็ได้” กับที่ดินที่เขาคิดว่าเป็นของเขา สมาชิกครอบครัวหิรัญพฤกษ์ ที่อยู่รักษาเกาะอยู่ในเวลานี้ไม่มีอาวุธ และไม่มีกำลังจะต่อกรกับกำลังคนพร้อมอาวุธอย่างแน่นอน
คำถามสำคัญคือ “เราจะยอมให้ป่าถูกถางในเช้าวันนี้จริงๆหรือ???” ป่าที่อยู่ของป่ามาดีๆ ตลอดมา แต่มาโดนออกเอกสารสิทธิจากความฉ้อฉลของข้าราชการคนที่ชั่ว (ที่ทำเรื่องย้ายตนเอง และเกษียณอายุไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว) เอกสารสิทธินี้กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการเพิกถอนตามคำสั่งของ DSI แต่ในเมื่อมันยังไม่ถูกเพิกถอนตอนนี้เขาเลยอ้างว่ามีสิทธิเต็มที่บนที่ดิน เราจะยอมให้ป่าถูกทำลายลงจริงๆ หรือ? เพราะหากถอดถอนแล้วแต่ป่าหมดไป ใครจะปลูกใช้คืน??? นกเงือกทรัพยากรสัตว์หายากสุดๆ ของประเทศก็จะยิ่งสูญพันธุ์ลงอีก (เรื่องนี้อาจารย์ธรณ์ และเพื่อนธรณ์หลายๆ คนคงเศร้า)