xs
xsm
sm
md
lg

ชาวราไวย์ร้อง “ประวิตร” จี้ทำตามมติ ครม.ฟื้นฟูวิถีชาวเล ถอนที่นายทุนทับชุมชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ชาวบ้านราไวย์ ภูเก็ต ยื่นหนังสือร้องนายกฯ-รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม และ รมว.วัฒนธรรม จี้ทำตามมติ ครม.ฟื้นฟูวิถีชาวเล สั่งกรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิทับชุมชนรวม 19 ไร่ โดยมิชอบ และตรวจสอบกระบวนการออกโฉนดนายทุนคู่กรณีทับทาง วอนเยียวยาผู้บาดเจ็บ ประกาศทางเสด็จฯ เป็นสาธารณะ ก่อนโชว์ระบำรองเง็ง โอดถ้าบ้านไม่มั่นคงอาจมาอาศัยทำเนียบฯ อยู่แทน

วันนี้ (9 ก.พ.) ที่ศูนย์บริการประชาชนภายในสำนักงาน กพ. เมื่อเวลา 09.00 น. กลุ่มประชาชนจากชุมชนชาวเล บ้านราไวย์ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต จำนวน 30 คน นำโดยนายไมตรี จงไกรจักร ผู้ประสานงานเครือข่ายชาวเลบ้านราไวย์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อขอให้เร่งแก้ปัญหาชุมชนชาวเลบ้านราไวย์ และอีก 1 ฉบับยื่นถึง รมว.วัฒนธรรม โดยขอให้สนับสนุนการแก้ปัญหาของชาวเลอย่างยั่งยืน สืบเนื่องจากกรณีที่มีชายฉกรรจ์กว่า 100 คนบุกเข้าทำร้ายชาวเล และนำรถบรรทุกก้อนหินขนาดใหญ่มาเทปิดเส้นทางเข้าออกของชุมชนที่มีผู้หญิงและเด็กจำนวนมากนั่งอยู่ เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บกว่า 30 คน และมีเหตุกระทบกระทั่งกัน จึงเรียกร้องขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดำเนินการ ดังนี้

1. ขอให้รองนายกฯ ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวเล โดยการยกระดับคณะกรรมการแก้ปัญหาที่ดินที่ทำกิน และพื้นที่ทางจิตวิญญาณของชุมชนชาวเล ที่มี พล.อ.สุรินทร์ พิกุลทอง เป็นประธาน และให้มีอำนาจดำเนินการแก้ไขปัญหาภายใต้การกำกับดูแลของรองนายกฯ 2. เร่งสั่งการให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกมิชอบ ภายใน 1 เดือน ตามที่คณะกรรมการแก้ปัญหาที่ดินได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ รวบรวมหลักฐานและส่งให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิซึ่งออกมาทับชุมชน ชาวเลบ้านราไวย์ จำนวน 19 ไร่ 3. มอบหมายให้คณะกรรมการแก้ปัญหาที่ดินตรวจสอบกระบวนการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่ 15 บริษัท บารอน เวิร์ดเทรด จำกัด จำนวน 33 ไร่ ที่ออกทับทางเดินสาธารณะบาไลย พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวเลพื้นที่ชายหาด บ่อน้ำโบราณของชาวเล และคลองหลาโอน

โดยมี พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะคณะทำงาน พล.อ.ประวิตร ร่วมรับเรื่อง ต่อมาภายหลังการยื่นหนังสือทางกลุ่มได้เข้าให้รายละเอียดต่อ พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์ ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงาน ก.พ.

ด้านนายไมตรีกล่าวว่า พล.อ.ประวิตรเคยให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าพื้นที่ที่มีปัญหานั้นชาวเลเคยอาศัยอยู่มาก่อนที่จะมีเอกสารสิทธิ พร้อมตั้ง พล.อ.สุรินทร์เข้ามาแก้ไขปัญหาปัญหาดังกล่าวนี้ตามมติ ครม.ตั้งแต่เมื่อ 2 มิ.ย. 2553 ซึ่งเราได้มีการผลักดันมาตลอด และจากการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ก็พบว่าชาวเลอาศัยอาศัยมาตั้งแต่ดั้งเดิมกว่า 300 ปี จึงมีข้อเรียกร้องให้เร่งดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิของบริษัท บารอนฯ ตามที่ฝ่ายเกี่ยวข้องรวบรวมหลักฐานแล้วส่งมายังกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ พร้อมกับยกระดับให้มาอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร เพื่อดำเนินการต่อผู้มีอิทธิพลที่เข้าทำร้ายชาวบ้าน

ขณะที่นายสนิท แซ่ซั่ว ตัวแทนชาวเลราไวย์ เรียกร้องให้เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะทำให้มีผู้บาดเจ็บ 34 ราย เข้าแจ้งความ 6 ราย และอุปกรณ์ทางการประมงที่เกิดความเสียหาย ซึ่งจากการประชุมในจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางบริษัท บารอนฯ ยินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหาย ส่วนนายสงัด หาดวารี ตัวแทนชาวบ้านอีกรายได้เรียกร้องให้พิจารณาพื้นที่ดังกล่าวประกาศเป็นเส้นทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินเมื่อปี 2502 เพื่อใช้เป็นประโยชน์ส่วนรวม ไม่ใช่ประโยชน์ของกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม พล.ต.ท.ธรรมศักดิ์ ในฐานะตัวแทนที่ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะรับข้อมูลต่างๆ เพื่อไปพิจารณา และหาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องข้อพิพาทที่ดิน และผู้ที่ได้รับความเสียหาย โดยจะประสานกระทรวงยุติธรรม ผู้ว่าฯ ภูเก็ต และกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แล้วเสนอต่อคณะทำงานของ พล.อ.ประวิตร เพื่อนำปัญหามาแก้ไขต่อไป ขณะเดียวกันด้านพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก็ได้กำชับกำลังพลในพื้นที่ทั้งทหาร ตำรวจ อย่าให้มีเหตุการณ์ปะทะเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด ยืนยันว่าเราเห็นความสำคัญของปัญหา ทางทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองที่ดูแลในพื้นที่ เป็นห่วงความเดือดร้อนของทุกคน ส่วนข้อมูลต่างๆ ขอให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายการข่าว

ภายหลังหารือเสร็จสิ้น และยุติการหารือ ทางกลุ่มได้ลงมาทำกิจกรรมการแสดงชุดระบำรองเง็งซึ่งเป็นการแสดงพื้นถิ่น จากนั้นนายสนิทให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาเราถูกกระทำทั้งปิดทางเดิน และทุบตี ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก คนชรา เลยมายื่นหนังสือเพื่อเรียกร้องให้ช่วยชาวเล ที่ผ่านมาไม่มีการช่วยเหลือไกล่เกลี่ยใดๆ เลย มีเพียงแค่คำพูด ทำให้พี่น้องรู้สึกไม่สบายใจในความปลอดภัย รวมถึงความมั่นคงทางที่อยู่อาศัย จึงต้องเดินทางมาที่นี่

“ถ้าไม่มีการทำอะไรสักอย่าง พี่น้องจะอยู่จนกว่าจะมีข้อตกลง และความสำเร็จในที่อยู่อาศัยที่มั่นคง รวมถึงพื้นที่ประกอบพิธีกรรม ตอนนี้เรามาแค่เป็นตัวแทน แต่ถ้าเราไม่มั่นคงในที่อยู่อาศัย ก็อาจจะมาอาศัยที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะที่ผ่านมา แม้กระทั่งลูกเด็กเล็กแดง ยังถูกทุบตี ตอนนี้มันไม่มั่นคงแล้ว ท้ายนี้ผมของตั้งคำถามให้กับบารอนว่า คนที่นับถือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าถูกย้ายออกไปไว้ที่อื่น สภาพจิตใจจะเป็นอย่างไร เหมือนกับสภาพจิตใจของพี่น้องชาวเล มันจะทำให้พวกเราเสียขวัญกำลังใจ” นายสนิทกล่าว








กำลังโหลดความคิดเห็น