ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “ม.ล.ปนัดดา” เปิดประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ไข และพัฒนาจังหวัดชายเดนภาคใต้ พร้อมเผยคืบหน้าคดีแม่ประนอม ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่มีการติดต่อขอพูดคุย แต่ยังยินดีเป็นคนกลางช่วยกาวใจ และอยากให้เรื่องดังกล่าวจบลงด้วยดี
วันนี้ (31 มี.ค.) ที่โรงแรม บีพี แกรนด์ ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ โครงการส่งเสริมสนับสนุนการแก้ไขปัญหา และพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกิจกรรมพัฒนาศักยภาพครูสอนศาสนาของโรงเรียน ในสังกัดองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กลุ่มการศึกษาท้องถิ่นที่ 8 โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งตัวแทนองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น และโรงเรียนในสังกัดในจังหวัดชายแดนใต้กว่า 400 คนเข้าร่วม
โดย ม.ล.ปนัดดา ได้หยิบยกเอากระแสพระราชดำรัส และแนวทางการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแบบอย่างให้แก่ข้าราชการครู และเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมีทั้งความเสี่ยง ความห่างไกล และหลากหลายศาสนา และวัฒนธรรม รวมทั้งเน้นย้ำเกี่ยวกับหัวใจของการทำงานราชการ หรือการรับใช้แผ่นดิน ซึ่งมี 2 อย่างที่สำคัญ คือ ความซื่อสัตย์ และความรักความเอื้ออาทรเหมือนครอบครัวเดียวกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากเห็นมากที่สุด และจะส่งผลต่อการพัฒนาเด็ก และเยาวชน โดยเฉพาะในยุคที่มีแต่ความแตกแยก ทั้งการแบ่งสีเสื้อ และขั้วการเมืองอย่างเช่นปัจจุบัน
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นพิธีเปิดงาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังได้เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี นางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม ซึ่งได้เข้ายื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ฝั่ง ก.พ.) เมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังถูกบุตรสาวคนโตฮุบกิจการ และตนขออาสาเป็นคนกลางช่วยกาวใจให้นั้น ล่าสุด ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ได้มีการติดต่อเข้ามาเพื่อขอพูดคุย หรือตกลงยุติปัญหากันแต่อย่างใด แต่ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคอยดูแล และประงานเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ม.ล.ปนัดดา เปิดเผยอีกว่า อยากให้เรื่องดังกล่าวจบลงด้วยดี และอยากจะให้เป็นกรณีตัวอย่างที่ทั้ง 2 ฝ่ายควรจะหันหน้าเข้าหากันเพื่อยุติปัญหาที่เกิดขึ้น เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่าย ก็เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน และตนต้องการให้คนไทย สังคมไทยเป็นสังคมที่มีแต่ความรัก ความสามัคคี และเกื้อกูล เอื้ออาทรต่อกันเหมือนในอดีต
ส่วนกรณีที่ตนขออาสามาช่วยเป็นกาวใจให้นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยแก้ปัญหาตามวิถี และบทบาทหน้าที่ของข้าราชการไทยเท่านั้น ไม่ได้มีผลประโยชน์แอบแฝงซ่อนเร้น หรือหวังผลอื่นใด โดยในวันที่ 1 เม.ย.ซึ่งตรงกับวันข้าราชการพลเรือน ก็ขอให้ข้าราชการทุกคนทุ่มเทปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถให้สมต่อการเป็นข้าของแผ่นดิน