xs
xsm
sm
md
lg

เลขาฯ ศาล ระบุ “คดีแม่ประนอม” ขอความเป็นธรรมผ่าน กต.ได้ แต่ทั้งสองฝ่ายต้องยินยอม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - เลขาฯ ศาลยุติธรรมเผยกรณี “นางประนอม” ไม่ได้รับความเป็นธรรม ยินดีตรวจสอบให้ทุกกรณีหากยื่นเรื่องผ่าน กต. ชี้ยังอยู่ขั้นตอนไต่สวนมูลฟ้อง ไกล่เกลี่ยได้ แต่ทั้งสองฝ่ายต้องยินยอม

วานนี้ (28 มี.ค.) นายอธิคม อินทุภูติ เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยกรณีนางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม ในนามบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด อ้างไม่ได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมว่า หากนางประนอมเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมของศาล สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนมาที่สำนักงานคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (กต.) ซึ่งศาลยินดีจะตรวจสอบให้ทุกกรณี ส่วนที่นางประนอมได้ร้องเรียนไปยังสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ตามขั้นตอนทางสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ จะส่งเรื่องมาที่ กต. โดยตามขั้นตอนแล้วจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากตรวจสอบแล้วข้อเท็จจริงมีมูลก็จะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุม กต.เพื่อพิจารณาทางวินัย

เมื่อถามว่า แนวทางการดำเนินคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของครอบครัวสามารถนำเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยเหมือนคดีดังในอดีตของตระกูลธรรมะวัฒนะได้หรือไม่ นายอธิคมกล่าวว่า ตามกระบวนการเป็นดุลพินิจของศาลที่จะพิจารณาว่าจะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยหรือไม่ โดยหลักแล้วการไกล่เกลี่ยคู่ความทั้งสองฝ่ายจะต้องเต็มใจเข้าสู่กระบวนการด้วย

นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวถึงการนัดพิจารณาคดีของแม่ประนอมและครอบครัวว่า มีคดี 2 ส่วน คือ คดีอาญา ที่มีการฟ้องกันต่อศาลจังหวัดนครปฐม ซึ่งนางประนอม เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางศิริพร แดงสุภา, นายสุชาติ ภาษาประเทศ และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในคดีหมายเลขดำ 861/2558 ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ฉ้อโกง และความผิดต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งคดีนี้ศาลได้มีคำสั่งวันที่ 16 ก.ย.2558ให้รับฟ้องในส่วนของนางศิริพร จำเลยที่ 1 และนายกำธร จำเลยที่ 3 ส่วนนายสุชาติ จำเลยที่ 2 นั้นศาลยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง แต่ภายหลังโจทก์ ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดี เบื้องต้นศาลวินิจฉัยแล้วเห็นว่ามีการมอบอำนาจจากโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง จึงอนุญาตให้ถอนฟ้องคดี ต่อมาภายหลังโจทก์ได้ยื่นคำร้องใหม่กล่าวอ้างว่าได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนคำร้องของโจทก์ในวันที่ 4 เม.ย.นี้

ส่วนคดีแพ่งเป็นเรื่องที่นางประนอมและบุตรสาวคนรองยื่นฟ้องนางศิริพร และนายสุชาติ เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ในคดีหมายเลขดำ 558/2558 เรื่องเพิกถอนนิติกรรม ถือกรรมสิทธิ์แทนโอนคืนทรัพย์สินต่างๆ รวมมูลค่าความเสียหาย 561,950,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ซึ่งคดีดังกล่าวศาลเคยนัดให้คู่ความ 2 ฝ่ายเข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยแล้ว แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจึงกำหนดนัดพิจารณาคดี โดยระหว่างนั้นนางประนอม โจทก์ที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเช่นกัน และภายหลังมีการยื่นคำร้องว่าถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนคำร้องดังกล่าวเช่นกันในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ซึ่งทั้งสองศาลต้องไต่สวนเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงว่าโจทก์ถอนฟ้องโดยไม่สมัครใจตามที่กล่าวอ้างหรือไม่

สรุปคำฟ้องคดีอาญา-คดีแพ่ง แม่ประนอม และลูก

สำหรับคดีอาญาที่ นางประนอม แดงสุภา อายุ 78 ปี เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโต, นายสุชาติ ภาษาประเทศ สามีของนายศิริพร และนายกำธร ประยูรสตางค์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ต่อศาลจังหวัดนครปฐม ในความผิดเกี่ยวกับเอกสาร, ฉ้อโกงและความผิดต่อเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 267, 268, 137, 341 ประกอบมาตรา 83

โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 1-26 ธ.ค. 2557 จำเลยทั้งที่ 1-3 ร่วมกันปลอมลายมือชื่อโจทก์และหนังสือมอบอำนาจของโจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายศิริชัย สามี ว่ามอบอำนาจให้จำเลยที่ 3 โอนที่ดิน 9 แปลงให้กับจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 3 ได้ไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานที่ดินจนหลงเชื่อ และดำเนินการโอนที่ดิน 9 แปลง ต.ท่าพระยา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ให้จำเลยที่ 1 การกระทำนั้นทำให้โจทก์และกองมรดกของนายศิริชัย สามี ได้รับความเสียหาย จึงขอให้ลงโทษตามกฎหมาย

อย่างไรก็ดี ภายหลังมีการไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว ศาลจังหวัดนครปฐมจึงได้มีคำสั่งวันที่ 16 ก.ย. 2558 ให้ประทับรับฟ้องเฉพาะนางศิริพร บุตรสาวคนโตจำเลยที่ 1 และนายกำธร จำเลยที่ 3 เฉพาะความผิดฐานผู้ใดทำเอกสารปลอมหรือแก้ไขตัดทอนหรือประทับตราปลอมโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน มาตรา 264, ผู้ใดปลอมเอกสารสิทธิ หรือเอกสารราชการ มาตรา 265, ผู้ใดใช้หรืออ้างเอกสารปลอม มาตรา 268 และผู้ใดทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริง มาตรา 341

แต่ความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 และความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ความผิดทั้งสอง รัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย โจทก์จึงไม่อาจฟ้องจำเลยทั้งสามในความผิดทั้งสองฐานนี้ได้ จึงให้ประทับรับฟ้องเฉพาะมาตรา 264, 265, 268 และ 341

ส่วนนายสุชาติ จำเลยที่ 2 ทางไต่สวนของโจทก์ไม่ปรากฏว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 และ 3 กระทำผิดตามฟ้องจึงให้ยกฟ้อง แต่ภายหลังนางประนอม โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง เบื้องต้นศาลวินิจฉัยเห็นว่าโจทก์ได้มอบอำนาจจึงอนุญาตให้ถอนฟ้อง แต่ต่อมานางประนอมโจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลใหม่ว่า ไม่ได้ถอนฟ้องโดยสมัครใจ ศาลจึงนัดไต่สวนกรณีดังกล่าวในวันที่ 4 เม.ย. 2559

นอกจากนี้ยังมีคดีแพ่ง ที่นางประนอม แดงสุภา อายุ 78 ปี และ น.ส.ศิริวัลย์ แดงสุภา อายุ 53 ปี บุตรสาวคนที่ 2 ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางศิริพร อายุ 55 ปี บุตรสาวคนโต และนายสุชาติ อายุ 62 ปี สามีของนางศิริพร เป็นจำเลยที่ 1-2 ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ความผิดเรื่องเพิกถอนนิติกรรม ถือกรรมสิทธิ์แทนโดยคืนทรัพย์ และเรียกค่าเสียหายทุนทรัพย์รวม 561,950,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันที่ 31 มี.ค. 58 ซึ่งถัดจากวันฟ้องคดี รวมทั้งขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินตำบลหลักสอง อ.ภาษีเจริญ กทม. ที่ตั้งโรงงานบริษัท พิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมของนางประนอมและนายศิริชัย สามี และให้จำเลยทั้งที่ 1-2 โอนหุ้นบริษัท พิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด คืนแก่โจทก์ที่ 1-2 และกองมรดกของนายศิริชัย สามีด้วย

ซึ่งโจทก์ยื่นฟ้องระบุว่า ศาลจังหวัดตลิ่งชันได้มีคำสั่งแต่งตั้งนางประนอม โจทก์ที่ 1 เป็นผู้จัดการมรดกของนายศิริชัยสามี กระทั่งเมื่อเดือน มี.ค. 2558 โจทก์ที่ 1 ไม่ไว้วางใจพฤติกรรมของจำเลยที่ส่อในทางจะฉ้อโกงจึงให้ทนายตรวจสอบทรัพย์กองมรดกทั้งหมด ต่อมาพบว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมเอกสารหนังสือมอบอำนาจโจทก์เพื่อโอนที่ดิน 11 แปลงในจังหวัดนครปฐม และที่ดินเขตภาษีเจริญ กทม. ที่เป็นทรัพย์กองมรดกไปเป็นชื่อของจำเลยที่ 1 โดยโจทก์ได้ดำเนินคดีต่อจำเลยทั้งสองและผู้เกี่ยวข้องต่อศาลจังหวัดนครปฐม ซึ่งโจทก์ไม่มีเจตนาจะโอนที่ดินให้จำเลยที่ 1 แต่อย่างใด เพราะจะแบ่งทรัพย์สินให้แก่ทายาทกองมรดกทุกคน และยังพบว่าจำเลยที่ 1 ในฐานะกรรมการบริษัท พิบูลย์ชัย น้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม ยังได้เปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัททั้งหมดโดยตัดชื่อนายศิริชัย แดงสุภา สามี โจทก์ที่ 1 และชื่อของโจทก์ทั้งสองออกจากผู้ถือหุ้น แล้วใส่ชื่อจำเลยที่ 2 กับบุตรของจำเลยทั้งสองเป็นผู้ถือหุ้นแทน ทั้งที่โจทก์ทั้งสองและนายศิริชัยไม่เคยโอนหุ้นบริษัทให้แก่จำเลยที่ 2 และบุตร ดังนั้นจำเลยทั้งสอง จึงมีหน้าที่โอนหุ้นคืนให้กองมรดก และโจทก์ทั้งสอง รวม 38,550 หุ้น

โดยศาลจังหวัดตลิ่งชัน รับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ 558/2558 ซึ่งคดีมีการนัดไต่สวนคำร้องที่ นางประนอม โจทก์ที่ 1 ได้ขอเพิกถอนการถอนฟ้องคดีนี้เนื่องจากอ้างว่า ไม่ได้ถอนฟ้องโดยสมัครใจ ซึ่งศาลนัดไต่สวนวันที่ 11 เม.ย. 2559
 
 


กำลังโหลดความคิดเห็น