MGR Online - “แม่ประนอม” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเล่าเรื่องราวชีวิตสู้ดิ้นรนขายน้ำพริกเผา ตั้งแต่อายุ 24 ปี กับสามีด้วยความยากลำบาก จนธุรกิจประสบความสำเร็จแต่สุดท้าย ลูกสาวคนโต ให้เซ็นหนังสือฮุบกิจการทั้งหมด บอกยังให้อภัยหากลูกสาวมาขอโทษ ด้านทนายลูกสาวอ้างฝ่ายแม่เคยถอนฟ้องแล้ว กลับมายื่นฟ้องใหม่
วันนี้ (26 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่ร้าน พี เอส เรสเตอรองต์ แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. นางประนอม แดงสุภา อายุ 87 ปี หรือแม่ประนอมผู้ก่อธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม ในนามบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังเดินทางเข้ายื่นหนังสือ ที่ศูนย์บริการประชาชนของรัฐบาล เพื่อร้องต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินคดีกับ ลูกสาวคนโต หลังวางแผนหลอกให้เซ็นเอกสาร โอนหุ้นบริษัทไปทั้งหมดจนไม่เหลือทรัพย์สินและต้องออกจากบ้านที่ตนเองปลูกไปเปิดร้านอาหาร พี เอส เรสเตอรองต์ หุ้นกับลูกสาวอีกคน
นางประนอม กล่าวว่า ตนกว่าจะขยายธุรกิจจนเติบโตยิ่งใหญ่ได้ทุกวันนี้ผ่านความยากลำบากอย่างหนักมากว่า 60 ปี เริ่มต้นทำน้ำพริกตั้งแต่อายุ 24 กับสามี ตอนแรกต้องไปกู้ยืมตังคนอื่นไปซื้อ พริก กระเทียม กุ้งแห้ง มาเริ่มทำน้ำพริกเผาซึ่งสมัยนั้นเครื่องกวนก็ไม่มีต้องใช้ไม้กวนเองกับมือและช่วยกันมา 2 คนกับสามี รวมทั้ง ต้องเช่าบ้านอยู่ ก่อนเริ่มบุกตลาดภาคใต้แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ น้ำพริกขายไม่ค่อยได้ แต่ยังโชคดีที่สามีให้นำไม้จิ้มฟันพกติดตัวไปด้วยเผื่อหากขายน้ำพริกไม่ได้ และถือว่ายังได้ค่ารถกลับกรุงเทพฯจากการขายไม้จิ้มฟันแทน
“ต่อมา ดิฉันกับสามีก็คิดอยากจะเก็บเงินซื้อบ้านเป็นของตัวเองและไม่ต้องการไปเช่าคนอื่น ก่อนมาซื้อ ห้องแถว ย่านหนองแขม จำนวน 2 ห้อง พร้อมตั้งเป็นโรงงานเล็ก ๆทำน้ำพริกแต่ก็ยังขายไม่ดี อาศัยส่งตามร้านแต่ก็ไม่มีใครซื้อจนต้องเดินเร่ขายน้ำพริกด้วยตัวเอง จนกระทั่งน้ำพริกเผาแม่น้ำประนอมโด่งดัง พร้อมเริ่มขยับขยายโรงงานมาตั้งอยู่ที่ ถ.บรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. จนทุกวันนี้ชีวิตจากที่ลำบากก็มีเงินทองอยู่สบายแต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องกลับมาชีวิตลำบากแบบนี้” นางประนอม กล่าว
นางประนอม กล่าวอีกว่า พอธุรกิจเริ่มขยายตัว ตนกับสามีจึงได้มีการขยายหุ้นของบริษัทเป็น 59,000 หุ้น โดยตนและสามีถือหุ้นใหญ่ ให้ลูกสาวคนโต คือ นางศิริพร แดงสุภา ถือจำนวน 20,000 หุ้น และเป็นกรรมการของบริษัท เนื่องจากสามีไว้ใจลูกสาวคนโตมาก แต่ภายหลังที่สามีป่วยเมื่อปี 2556 ก็เริ่มเกิดปัญหาซึ่งขณะนั้นตนยังถือหุ้นแต่การบริหารงานเริ่มห่างเพราะอายุมากแล้ว อีกทั้งตัวลูกสาวคนโตอยากให้ตนพักไม่ให้ทำงานจึงใช้เวลาช่วงนั้นไปดูแลสามีที่ป่วยยังโรงพยาบาล ระหว่างนั้น นางศิริพร ก็นำหนังสือซึ่งไม่รู้หนังสืออะไร เพราะตนก็อ่านหนังสือไม่ออกมาให้เซ็นเอกสารที่โรงพยาบาลและตามมาให้เซ็นอีกหลาย 10 ครั้ง ตนก็เซ็นไปด้วยความไว้ใจที่ให้บริหารงานบริษัทแทน จนกระทั่งสามีของตนเสียชีวิตลงในปีเดียวกัน ปัญหาความขัดแย้งเริ่มเกิดทั้งเรื่องส่วนตัวและธุรกิจ
นางประนอม กล่าวต่อว่า สุดท้ายได้ตรวจพบว่า ลูกสาวคนรองอีกคนของตน กลับไม่มีชื่อในหุ้น รวมทั้งมรดกของสามีตน คือ นายศิริชัย แดงสุภา ภายหลังที่เสียชีวิตถูกโอนย้ายไปเป็นของลูกสาวคนโต นางศิริพร และลูกเขย ทั้งหมด ส่งผลให้ตนไม่เหลือแม้มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่ตนเองก่อตั้งขึ้นมา นอกจากนี้ ตนรับแรงกดดันจากหลายฝ่ายไม่ไหวจนต้องออกไปอยู่ที่อื่น และออกมาทำร้านอาหารก่อนที่จะมีเรื่องฟ้องร้องกันตามมาที่เป็นข่าวเพื่อต้องการเอาทรัพย์สินของตนคืน
ภายหลังที่เกิดคดีความในชั้นศาล ตนได้มีการนัดคุยกันหลายครั้งกับตัวลูกสาวคนโตแต่ก็ยังนำเอกสารมาให้ตนเซ็นอีก กระทั่งล่าสุดลูกสาวคนโตมาพร้อมบุคคลที่ตนและสามีไว้เนื้อเชื่อใจอย่างมากนำหนังสือมาให้ตนเซ็นอีก ซึ่งรู้ภายหลังว่าเป็นหนังสือที่ระบุว่า ตนจะไม่รับทรัพย์สินและมรดกทั้งหมด ทำให้รู้สึกเสียใจมาก เนื่องจากทรัพย์สินที่ตนและสามีสร้างร่วมกันมาก็เพื่อลูกทุกคน ถ้าหากลูกสาวคนโตอยากได้มากกว่าคนอื่นควรน่าจะแบ่งให้บ้างซึ่งทำแบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลยกับแม่ผู้ให้กำเนิด นอกจากนี้ ยังมีลูกคนสุดท้องที่ยังพิการต้องดูแลอีก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ หากลูกสาวสำนึกผิดมาขอโทษตนก็พร้อมให้อภัยและจะยกฟ้องเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 68/10 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ตั้งเป็นโรงงานผลิต โกดัง และคฤหาสน์หรูขนาดใหญ่หลายหลัง โดยบรรยากาศบริเวณด้านหน้าบริษัทปิดประตูรั้วเหล็กไว้พบเพียง เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยที่ออกมาชี้แจงและให้เบอร์โทรศัพย์ทนายความเพื่อติดต่อสอบถามรายละเอียดด้วยตนเอง
ด้าน นายทวิชา หวังโภคา ทนายความของนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโตของนางประนอม แดงสุภา ผู้ก่อตั้งธุรกิจน้ำพริกเผาแม่ประนอม ในนามบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด เปิดเผยว่า นางประนอม ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางศิริพร แดงสุภา พร้อมสามี และ ทนายความอีกหนึ่งคน เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดนครปฐม ฐานร่วมกันปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับที่ดิน ซึ่งในชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลจังหวัดนครปฐม ได้ยกฟ้องเฉพาะสามีของนางศิริพร และ รับฟ้องเฉพาะในส่วนของนางศิริพร และทนายความ ซึ่งคดีอยู่ในขั้นตอนการนัดสืบพยานโจทก์
นอกจากนี้ นางประนอม ยังได้ยื่นฟ้องนางศิริพร เป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน เรื่อง เรียกคืนทรัพย์มรดก ศาลได้ทำการไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายแล้วแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จากนั้นนางประนอม ได้ให้ผู้ใหญ่ที่นับถือ ร่วมพูดคุยเจรจากับนางศิริพร จนได้ข้อยุติ นางประนอม จึงให้ทนายความผู้รับมอบอำนาจ ดำเนินการถอนฟ้องทั้ง 2 คดี ต่อทั้ง 2 ศาลไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา คดีถือเป็นที่ยุติ
อย่างไรก็ตาม ต่อมา นางประนอม กลับยื่นคำร้องใหม่ต่อทั้ง 2 ศาล ทำนองว่า สาเหตุที่ถอนฟ้องไม่ได้เกิดจากเจตนาที่แท้จริงเช่นนั้น ศาลจังหวัดนครปฐม จึงนัดไต่สวนนางประนอม กรณียื่นคำร้องใหม่ วันที่ 4 เม.ย. นี้ ส่วนศาลจังหวัดตลิ่งชัน นัดไต่สวนนางประนอม วันที่ 11 เม.ย. โดย นางประนอม ต้องเดินทางไปศาลเพื่อไต่สวนด้วย ขณะที่นางศิริพร บุตรสาวนางประนอมนั้น เบื้องต้นไม่ขอโต้ตอบ หรือให้ข้อมูลใด ๆ