ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ประชาคมวลัยลักษณ์ รุมสวดยับ! มวล.ตัดต้นประดู่สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยทิ้งเรียบ สร้างความหดหู่ใจให้แก่ศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์เก่า บุคลากรของมหาวิทยาลัย และบุคคลทั่วไปกันอย่างกว้างขวาง
วันนี้ (26 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช ฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัย ได้สั่งตัดโค่นต้นประดู่ล้มลงทั้งหมดบริเวณที่ต้นประดู่ถูกตัดโค่นเริ่มตั้งแต่ประตูทางเข้ามหาวิทยาลัย ไปจนถึงบริเวณวงเวียนภายในมหาวิทยาลัย โดยสองข้างถนนต้นประดู่ถูกตัดทิ้งทั้งหมด ซึ่งต้นประดู่ดังกล่าวเริ่มปลูกพร้อมกับการก่อตั้งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ เนื่องจากต้นประดู่เป็นต้นไม้ประจำสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมจากศิษย์ปัจจุบัน ศิษย์เก่า บุคลากรของมหาวิทยาลัย และบุคคลทั่วไปกันอย่างกว้างขวาง
นายสุดใต้ ดีทองอ่อน ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวว่า ตนได้เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้เมื่อปี 2541 ตอนนั้นที่วลัยลักษณ์อากาศร้อนมาก พวกต้นประดู่พวกนี้ยังต้นเล็กๆ สูงพอๆ กับส่วนสูงของตน ด้วยเหตุที่ตนมาจาก จ.ยะลา ซึ่งมีต้นประดู่ริมถนนต้นใหญ่ๆ เยอะ เป็นจังหวัดที่สวย และรมรื่น จึงคิดว่าอีกหน่อยที่แห่งนี้คงร่มรื่นสวยงามแบบเดียวกับเมืองบ้านเกิดของตน
แต่เมื่อมาเจอภาพต้นประดู่ที่เดิมใหญ่ให้ร่มเงาถูกตัดเหลือแต่ตอ ก็รู้สึกใจหายเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตร่วมรั้วมหาวิทยาลัย ได้ตายลงนอนทอดร่างไปกับพื้น ตนค่อนข้างเสียใจมากเป็นพิเศษเพราะเวลาผ่านข้าออกมหาวิทยาลัยจะเจอทุกวัน ยางต้นประดู่ที่ถูกตัดมีสีแดงเหมือนเลือด เลือดสีแดงเข้ม แห้งเป็นผลึกเห็นแล้วเศร้า
นายสุดใต้ กล่าวอีกว่า ไม่เห็นคำขอโทษใดๆ จากคนที่กระทำสักคำเดียว มีแต่เหตุผลที่ฟังไม่เคลียร์ ไม่น่าพอ ปัจจุบันไม่รู้ทางมหาวิทยาลัยรู้หรือยังว่าเค้าด่ากันทั้งเมืองคอนแล้วว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ชอบตัดต้นไม้ ตอนทำสวนแตงโมก็ครั้งหนึ่งแล้ว ที่ตัดต้นไม้หลายร้อยไร่ครั้งนั้น ก็ถูกด่ายับ ไม่จำอีก บางทีคิดว่าทำไมไม่ทำช่วงปิดเทอมฤดูฝน และทำให้ไวๆ แบบนี้บาดตาบาดใจ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มหาวิทยาลัยหนีการวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณะไม่ได้ เพราะมหาวิทยาลัยเป็นของสาธารณะ ดังนั้น ความเห็นที่ดีจากหลายๆ คนที่ห่วงใยน่า จะถูกตีความให้เกิดประโยชน์ได้ ถ้าผู้บริหารไม่ถือทิฐิ
ด้าน นายทรงวุฒิ พัฒแก้ว ศิษย์เก่าอีกคนกล่าวว่า จากกรณีตัดต้นประดู่ในมหาวิทยาลัยไม่มีคำขอโทษยังไม่พอ มีตอบแบบเยาะเย้ยด้วย อย่างเช่น มีเสียงออกมาจากฝ่ายที่ตัดต้นประดู่ว่า เพราะกลัวกระทบสายไฟราคา 3 ล้าน แต่ในความเป็นจริงต้นประดู่กับสายไฟอยู่คนละด้าน และยังอ้างว่าต้นประดู่มันตาย ทิ้งกิ่งลงมาหวั่นเกิดอุบัติเหตุ แต่ในความเป็นจริง กิ่งที่ตายมันแตกพุ่มใหม่แล้ว ต้นตายไม่มี แถมยังอ้างว่าบังภูมิทัศน์ศูนย์แพทย์ ในความเป็นจริง มันอยู่คนละฝั่งเช่นเดียวกัน เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น
“ผมอาย เวลาใครเขาถามเรื่องต้นต้นประดู่ในมหาวิทยาลัย เพราะตอบไม่ได้ สิ่งที่ผมอยากจะทำคือ ขึ้นป้ายได้ไหม ห้ามถ่ายรูปตลอดแนวที่ต้นประดู่ถูกตัด เพราะเราอายครับ และเป็นต้นไม้สัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยด้วย ไม่เข้าใจว่าคิดได้ยังไง หรือคิดดีแล้วยังที่ตัด คนทั่วไปเขาปลูกต้นไม้กันทั้งนั้น ซึ่งทั่วโลกก็รณรงค์ให้คนช่วยกันปลูกต้นไม้ แต่มหาวิทยาลัยตัดต้นไม้ทิ้ง อายจริงๆ” นายทรงวุฒิ กล่าว
“เหตุผลมีเพียงกว่าเพราะมันตาย ผมไปดูกับตา ต้นตายไม่มีสักต้น ไม่มีการขุดล้อมหรือมีทีท่าจะย้าย ถูกล้างบางซะเรียบความรู้สึกง่ายๆ มันเป็นต้นไม้สัญลักษณ์มหาวิทยาลัย ควรสื่อสารกันสักนิด เพราะมันกระทบความรู้สึก ที่เห็นแล้วใจหาย มีเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น รับปริญญาที่ผ่านมา ต้นประดู่ก็มีชีวิตรอดมาจนวันนี้ เว้นแต่ใครบางคนในโอกาสครบรอบ 24 ปี วันสถาปนามหาวิทยาลัย ไม่อยากให้มีต้นประดู่อยู่ตรงนั้น จึงทำลายมัน คนตัดต้นประดู่รู้หรือยังว่า ต้นประดู่เป็นไม้หวงห้ามตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ครับ” นายทรงวุฒิ กล่าวอีก
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นมหาวิทยาลัยที่ติด 1 ใน 10 มหาวิทยาลัย ที่มีบรรยากาศร่มรื่น มหาวิทยาลัยที่ติดอันดับวิวสวยที่สุดในเมืองไทย ก็เพราะความสวยงาม และร่มรื่นของรั้วต้นไม้น้อยใหญ่ และต้นประดู่อันเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย แต่วันนี้ถูกตัดทิ้งเหลือแต่ตอรู้สึกโกรธและใจหาย
