ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ประกอบการรถลิมูซีน-รถตู้ ในภูเก็ต แห่แจ้งความ จนท.ตำรวจ หลังบริษัทเอกชนที่ส่งงานให้ไม่จ่ายเงินค่าจ้างรอบเดือน ก.พ. มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้าน ขณะที่เจ้าของบริษัทตัวปิดหนี ดีดตัวออกจากไลน์กลุ่ม ตัดขาดการติดต่อ
เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันนี้ (17 มี.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรถลาง จ.ภูเก็ต นายธรรมรัตน์ มณีไตรทิพย์ นายเย็นประสิทธิ์ วันมาน ผู้ประกอบการรถลิมูซีน และรถตู้บริการรับส่งนักท่องเที่ยว พร้อมพวกอีกประมาณ 50 คน เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.บุญเลิศ อ่อนกลาง ผกก.(สอบสวน) สภ.ถลาง ให้ดำเนินคดีต่อผู้บริการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ทำหน้าที่ในการส่งงานรับส่งผู้โดยสารให้แก่ผู้ประกอบการรถลิมูซีน และรถตู้ในเครือข่ายประมาณ 115 คัน เนื่องจากไม่จ่ายเงินค่าบริการของเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ครบกำหนดในการจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.อ.ชาณุชาญ ชลสุวัฒน์ ผกก.สภ.ถลาง ค่อยอำนวยความสะดวก
นายธรรมรัตน์ มณีไตรทิพย์ หนึ่งในผู้ประกอบการรถลิมูซีน ที่เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ กล่าวถึงสาเหตุการเข้าแจ้งความเอาผิดต่อผู้บริหารบริษัทที่ทำหน้าที่ในการส่งงานรับส่งนักท่องเที่ยวให้แก่ผู้ประกอบการรถลิมูซีน และรถตู้ คู่สัญญา ว่า สาเหตุที่ต้องรวมตัวกันมาแจ้งความเนื่องจากทางผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของบริษัทแห่งหนึ่งที่ไม่จ่ายเงินค่าจ้างตามกำหนดเวลาในส่วนของเดือน ก.พ.2559 ที่ทางบริษัทจะต้องจ่ายงานให้แก่ผู้ประกอบการรถทุกคันในวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อครบกำหนดปรากฏว่าทางบริษัทไม่จ่าย และดีดตัวออกไปจากไลน์กลุ่ม ปิดโทรศัพท์มือถือ เมื่อไปตรวจสอบที่บริษัทซึ่งอยู่ในพื้นที่ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พบว่า ได้ปิดบริษัทไปแล้ว ทำให้มั่นใจว่าพวกตนซึ่งมีประมาณ 115 คัน ถูกโกงค่าจ้างแน่ จึงได้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าวในครั้งนี้
ขณะที่ นายเย็นประสิทธิ์ วันมาน หนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหาย กล่าวว่า ได้ทำงานวิ่งรถรับส่งนักท่องเที่ยวให้แก่บริษัทดังกล่าวมาประมาณ 5-6 เดือนมาแล้ว ที่ผ่านมา ไม่เคยมีปัญหาเรื่องของการจ่ายเงิน ซึ่งทางบริษัทจะจ่ายเงินค่าทำงานหลังจากหักค่าคิวแล้วให้แก่ผู้ประกอบการผ่านทางธนาคาร โดยสัญญาจ่ายไม่เกินวันที่ 15 ของเดือนถัดไป แต่ครั้งนี้พบว่า ทางบริษัทไม่ได้จ่ายเงินให้แก่ผู้ประกอบการตามที่ตกลงกันแต่อย่างใด และไม่สามารถติดต่อตัวของผู้บริหารได้ ทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการได้รับความเสียหาย ซึ่งค่าใช้จ่ายที่แต่ละคนจะได้รับเฉลี่ยอยู่ที่หลายหมื่นบาท รวมค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ล้านบาท
และที่สำคัญขณะนี้ทางผู้ประกอบการไม่สามารถที่จะติดตามตัวผู้บริหารบริษัทมารับผิดชอบได้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวได้ปิดตัว และเก็บทรัพย์สินออกไปทั้งหมดแล้ว ส่วนไลน์กลุ่มที่ใช้สำหรับการประสานงานก็พบว่า ผู้บริหารรายดังกล่าวได้ดีดตัวเองออกจากไลน์กลุ่มแล้วเช่นกันตั้งแต่เวลา 03.00 น.ของวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางผู้ประกอบการจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ติดตามตัวผู้บริหารดังกล่าวมารับผิดชอบ และดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.ชาณุชาญ ชลสุวัฒน์ ผกก.สภ.ถลาง กล่าวว่า วันนี้ได้แนะนำให้ผู้เสียหายตั้งตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่ก่อเหตุโดยให้ใส่ชื่อผู้เสียหายทั้งหมดเข้ามาด้วยกัน หลังจากรับแจ้งความแล้วทางพนักงานสอบสวนจะเรียกผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำทั้งหมด ส่วนการติดตามตัวผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.ถลาง ออกติดตามตัวแล้ว ซึ่งคดีนี้ถือว่าเป็นคดีใหญ่มีผู้เสียหายหลายคน
เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. วันนี้ (17 มี.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรถลาง จ.ภูเก็ต นายธรรมรัตน์ มณีไตรทิพย์ นายเย็นประสิทธิ์ วันมาน ผู้ประกอบการรถลิมูซีน และรถตู้บริการรับส่งนักท่องเที่ยว พร้อมพวกอีกประมาณ 50 คน เดินทางเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.อ.บุญเลิศ อ่อนกลาง ผกก.(สอบสวน) สภ.ถลาง ให้ดำเนินคดีต่อผู้บริการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ทำหน้าที่ในการส่งงานรับส่งผู้โดยสารให้แก่ผู้ประกอบการรถลิมูซีน และรถตู้ในเครือข่ายประมาณ 115 คัน เนื่องจากไม่จ่ายเงินค่าบริการของเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ครบกำหนดในการจ่ายเงินตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.อ.ชาณุชาญ ชลสุวัฒน์ ผกก.สภ.ถลาง ค่อยอำนวยความสะดวก
นายธรรมรัตน์ มณีไตรทิพย์ หนึ่งในผู้ประกอบการรถลิมูซีน ที่เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ กล่าวถึงสาเหตุการเข้าแจ้งความเอาผิดต่อผู้บริหารบริษัทที่ทำหน้าที่ในการส่งงานรับส่งนักท่องเที่ยวให้แก่ผู้ประกอบการรถลิมูซีน และรถตู้ คู่สัญญา ว่า สาเหตุที่ต้องรวมตัวกันมาแจ้งความเนื่องจากทางผู้ประกอบการได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำของบริษัทแห่งหนึ่งที่ไม่จ่ายเงินค่าจ้างตามกำหนดเวลาในส่วนของเดือน ก.พ.2559 ที่ทางบริษัทจะต้องจ่ายงานให้แก่ผู้ประกอบการรถทุกคันในวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อครบกำหนดปรากฏว่าทางบริษัทไม่จ่าย และดีดตัวออกไปจากไลน์กลุ่ม ปิดโทรศัพท์มือถือ เมื่อไปตรวจสอบที่บริษัทซึ่งอยู่ในพื้นที่ ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พบว่า ได้ปิดบริษัทไปแล้ว ทำให้มั่นใจว่าพวกตนซึ่งมีประมาณ 115 คัน ถูกโกงค่าจ้างแน่ จึงได้เข้ามาแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าวในครั้งนี้
ขณะที่ นายเย็นประสิทธิ์ วันมาน หนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับความเสียหาย กล่าวว่า ได้ทำงานวิ่งรถรับส่งนักท่องเที่ยวให้แก่บริษัทดังกล่าวมาประมาณ 5-6 เดือนมาแล้ว ที่ผ่านมา ไม่เคยมีปัญหาเรื่องของการจ่ายเงิน ซึ่งทางบริษัทจะจ่ายเงินค่าทำงานหลังจากหักค่าคิวแล้วให้แก่ผู้ประกอบการผ่านทางธนาคาร โดยสัญญาจ่ายไม่เกินวันที่ 15 ของเดือนถัดไป แต่ครั้งนี้พบว่า ทางบริษัทไม่ได้จ่ายเงินให้แก่ผู้ประกอบการตามที่ตกลงกันแต่อย่างใด และไม่สามารถติดต่อตัวของผู้บริหารได้ ทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบการได้รับความเสียหาย ซึ่งค่าใช้จ่ายที่แต่ละคนจะได้รับเฉลี่ยอยู่ที่หลายหมื่นบาท รวมค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไม่น่าจะต่ำกว่า 10 ล้านบาท
และที่สำคัญขณะนี้ทางผู้ประกอบการไม่สามารถที่จะติดตามตัวผู้บริหารบริษัทมารับผิดชอบได้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า บริษัทดังกล่าวได้ปิดตัว และเก็บทรัพย์สินออกไปทั้งหมดแล้ว ส่วนไลน์กลุ่มที่ใช้สำหรับการประสานงานก็พบว่า ผู้บริหารรายดังกล่าวได้ดีดตัวเองออกจากไลน์กลุ่มแล้วเช่นกันตั้งแต่เวลา 03.00 น.ของวันที่ 16 มี.ค.ที่ผ่านมา ทางผู้ประกอบการจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าแจ้งความต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ติดตามตัวผู้บริหารดังกล่าวมารับผิดชอบ และดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.ชาณุชาญ ชลสุวัฒน์ ผกก.สภ.ถลาง กล่าวว่า วันนี้ได้แนะนำให้ผู้เสียหายตั้งตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่ก่อเหตุโดยให้ใส่ชื่อผู้เสียหายทั้งหมดเข้ามาด้วยกัน หลังจากรับแจ้งความแล้วทางพนักงานสอบสวนจะเรียกผู้เสียหายเข้ามาสอบปากคำทั้งหมด ส่วนการติดตามตัวผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นได้มอบหมายให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.ถลาง ออกติดตามตัวแล้ว ซึ่งคดีนี้ถือว่าเป็นคดีใหญ่มีผู้เสียหายหลายคน