ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวเลราไวย์ยังเฝ้าระวังพื้นที่ หลังผู้รับเหมา “บ.บารอนฯ” นำแบ็กโฮเข้าปรับพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิ จนท.ต้องระดมกำลังกว่า 40 นาย เข้าดูแลความเรียบร้อย ซึ่งทางจังหวัดเตรียมประกาศหนังสือสำคัญที่หลวงหรือ นสล. โดยจะรังวัดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 มี.ค.นี้ เพื่อให้ชาวบ้านใช้ผ่านเท่านั้น
วันนี้ (4 มี.ค.) ที่บริเวณพื้นที่พิพาทหาดราไวย์ กลุ่มชาวเลราไวย์ยังคงมีการรวมตัวกันเช่นเดิม และมีจำนวนกว่า 150 คน ขณะเดียวกัน ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (นปพ.) ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ทหารทัพเรือภาคที่ 3 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดภูเก็ต รวมกว่า 50 นาย มาคอยดูแลความเรียบร้อย เนื่องจากภายในพื้นที่เอกสารสิทธิของบริษัทบารอนฯ ทางคนงานของผู้รับเหมาได้นำรถแบ็กโฮเข้ามาจอดยังพื้นที่ริมหาด ซึ่งเป็นแนวเขตที่ดินของบริษัทฯ กับทางสาธารณะที่จังหวัดเตรียมสร้างเป็นทางเดินขนาด 3.4 เมตร โดยจอดทิ้งไว้ประมาณ 40 นาที
จากนั้นในเวลา 12.40 น. ได้เริ่มทำการตักกองหินปรับพื้นที่ตามที่มีการแจ้งไว้ล่วงหน้า ระหว่างที่รถแบ็กโฮทำงานไปได้ประมาณ 10 นาที ปรากฏว่า ได้มีชาวเลส่วนหนึ่งเดินไปนำลอบดักปลาซึ่งอยู่ใกล้กับแนวเขตออกมาวางไว้ในพื้นที่สาธารณะ และแสดงอาการไม่พอใจ รวมทั้งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้คนขับรถแบ็กโฮตัดสินใจหยุดการทำงาน ขณะที่กลุ่มชาวเลก็ถอยออกมาอยู่บริเวณทางเข้าออก และสังเกตการณ์ต่อ โดยไม่มีการประทะ หรือเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างใด
ขณะที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างรอดูท่าทีกันจนเวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง น.อ.สถาพร วาจรัตน์ รอง ผอ.กอ.รมน.ภูเก็ต ได้เดินทางมายังพื้นที่เพื่อจะเข้าพูดคุยกับตัวแทนบริษัทบารอนฯ แต่ทราบว่ากำลังพูดคุยกับทาง นายโชคดี อมรวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.สมาน ชัยณรงค์ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต และนายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ จึงได้ไปร่วมพูดคุยด้วย
ภายหลังจากการพูดคุยกันจนได้ข้อสรุปแล้ว น.อ.สถาพร วาจรัตน์ รอง ผอ.กอ.รมน.ภูเก็ต ได้เดินทางมาชี้แจงต่อกลุ่มชาวเลว่า ทางบริษัทบารอนฯ และผู้รับเหมายอมยุติการดำเนินการ และนำรถแบ็กโฮออกจาพื้นที่ดังกล่าว ตามแผนงานทราบว่า เขาต้องการเข้ามาปรับพื้นที่ที่เป็นรอยต่อระหว่างเขตที่ดินของบริษัทฯ กับทางเดินสาธารณะ
ซึ่งทางจังหวัดเตรียมประกาศหนังสือสำคัญที่หลวง หรือ นสล. โดยจะมีการรังวัดให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 16 มีนาคมนี้ เพื่อให้ชาวบ้านใช้ผ่านเท่านั้น แต่ไม่สามารถเจรจาเพื่อให้ชาวบ้านผ่านกลางพื้นที่บริษัทฯ ได้ตามเดิม เนื่องจากขณะนี้เขามีเอกสารสิทธิ แต่หากชาวบ้านยังคาใจก็สามารถฟ้องร้องให้มีการตรวจสอบได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย
