ตรัง - สุโค่ย! อดีตกำนันใน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เปลี่ยนพื้นที่ 30 ไร่ ที่เคยทำสวนยางพารา หันมาทำสวนกล้วยหอมส่งขายประเทศญี่ปุ่น สร้างรายได้สูงกว่าเท่าตัว แถมยังใช้ระยะเวลาปลูกน้อยกว่ายางพารามาก
วันนี้ (2 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกิตติศักดิ์ เส็นขาว อดีตกำนันตำบลแหลมสอม อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ได้เปลี่ยนพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ ในบริเวณหมู่ที่ 7 ต.แหลมสอม มาทำการปลูกกล้วยหอม หลังจากที่ยางพาราพืชเศรษฐกิจสำคัญของชาวภาคใต้ประสบปัญหาราคาตกต่ำ และมีทิศทางตลาดไม่สดใสเหมือนเมื่อครั้งอดีต โดย นายกิตติศักดิ์ ได้ทำการเดินท่อส่งน้ำแบบระบบน้ำหยดเพื่อเป็นการประหยัดน้ำ และช่วยให้เกิดความสะดวกในการให้น้ำ
ขณะที่พื้นที่ว่างระหว่างกล้วยหอม ยังได้ทำการปลูกมะนาวเป็นพืชแซม หรือแบบเกษตรผสมผสาน จนทำให้สวนแห่งนี้ได้รับความสนใจจากเกษตรกรทั่วทั้ง จ.ตรัง แม้แต่ นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ก็ยังเดินทางไปเยี่ยมชม หลังทราบว่า มีอดีตกำนันยอมทิ้งอาชีพทำสวนยางพาราหันมาปลูกกล้วยหอมแทน
นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า การปลูกกล้วยหอมดีกว่าการปลูกยางพารากว่าเท่าตัว หรือเทียบกันไม่ได้เลย เพราะในพื้นที่ 30 ไร่ หากปลูกยางพาราจะมีรายได้ไม่เกินปีละ 3 แสนบาท แต่ถ้าเปลี่ยนมาปลูกกล้วยหอม ซึ่งจะมีราคาเฉลี่ยเครือละ 100 บาท หรือสร้างรายได้ให้ถึงปีละ 6 แสนบาท ยิ่งตอนนี้ตลาดกล้วยหอมเพื่อส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นสดใสมาก และมีผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ
เนื่องจากมีออเดอร์ หรือยอดการสั่งซื้อเข้ามาถึงเดือนละ 3 หมื่นกิโลกรัม ขณะเดียวกัน การปลูกกล้วยหอมจะใช้เวลาแค่ 9 เดือนก็ให้ผลผลิตแล้ว ไม่เหมือนกับการปลูกยางพาราที่ต้องใช้เวลานานถึง 7 ปีกว่าจะให้ผลผลิต นอกจากนั้น การปลูกกล้วยยังเป็นการลงทุนเพียงครั้งเดียว แต่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 3 ปี ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากว่ายางพารามาก